#หุ้นค้าปลีก #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส
.
เน้นหุ้นที่อิงกับการบริโภคขั้นพื้นฐาน
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 แข็งแกร่งเกินคาด แม้ว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคสำคัญๆ ในไตรมาส 1/68 จะอ่อนตัวลงจากทั้งปัจจัยภายในประเทศ (หนี้ครัวเรือนสูง, ปัญหานักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวง, แผ่นดินไหว ฯลฯ) และปัจจัยภายนอกประเทศ (เศรษฐกิจโลกซะลอตัว, การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ) อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคค้าปลีกยังคงมีผลดำเนินงานที่ดีโดยหุ้นทั้งหมดในกลุ่มที่เราวิเคราะห์ (BJC, CRC, COM7, CPALL, HMPRO) สามารถเติบโตได้ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ แม้เผชิญกับความผันผวนดังกล่าว ซึ่งการเติบโตมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง, ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวกในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และอัตรากำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น
.
คาดหวังภาพรวมที่ดีขึ้นในไตรมาสต่อไป พร้อมปัจจัยบวกบางประการ หากไม่นับปัจจัยภายนอก เราคาดว่าผู้ค้าปลีกจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น โครงการกระเป้าเงินดิจิทัล, การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ, ความพยายามของรัฐบาลในการลดค่าไฟฟ้า และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย (คาดว่าจะมีการลดอีก 2 ครั้งในปี 2568) อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนที่ใหญ่ที่สุดคือผลกระทบจากการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลของมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลไทยเกิดประสิทธิผลน้อยกว่าปกติ ดังนั้น เรายังคงชื่นชอบผู้ค้าปลีกในกลุ่มสินค้าอุปโกคบริโภคพื้นฐาน (grocery retailers) มากกว่ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและความเสี่ยงถูกกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐต่ำกว่า
.
หุ้นเด่นที่เราเลือกคือ CPALL และ BJC โดยดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก (SETCOMM) ปัจจุบันซื้อขายมี Forward PE ที่ 18.0 เท่า เทียบกับ SET ที่ 14.2 เท่า ส่วนส่วนต่างของการขายระหว่าง SETCOMM กับ SET ปรับลดลงจากเฉลี่ย 1.7 เท่าในรอบ 5 ปี เหลือเพียง 1.3 เท่าในปีนี้ (YTD) ซึ่งเป็นผลจากความกังวลเรื่องการจัดสรรเงินทุนและกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก เรามองว่าความกังวลเกี่ยวกับการจัดสรรเงินทุนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และหากมีการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ ก็มีแนวโน้มจะช่วยให้มูลค่าหุ้นในกลุ่มค้าปลีกกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มกำไรที่มั่นคง
ปัจจุบันเราชอบ CPALL และ BJC เนื่องจากคาดว่าทั้งสองบริษัทจะมีกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/68 และทั้งปี 2568 ขณะเดียวกันราคาหุ้นของทั้งคู่ยังซื้อขายต่ำกว่า PE เฉลี่ยในรอบ 5 ปี โดยอยู่ที่ระดับ -1.4 ถึง-1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม