#PR9 #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดย บล.กสิกรไทย
การประชุมคณะอนุกรรมการครั้งแรก
การพบกันครั้งแรกระหว่าง SSO กับ รพ.เอกชน วันที่ 17 ต.ค. ผ่านไปด้วยดี โดยมีการเสนอเพิ่มงบประมาณต่อหัวสำหรับบริการ RW>2
บล.กสิกรไทยคาดว่า BCH, CHG และ RJH จะบันทึกรายได้ RW>2 ในไตรมาส 4/67 ที่อัตรา7,300 บาท/RW และคาดว่า SSO จะเพิ่มงบประมาณต่อหัวของ RW>2 ในปี 2568
การศึกษาความอ่อนไหวของอัตราการจ่ายที่สงกว่า 12,000 บาท/RW จะสร้างความเสี่ยงขาขึ้นต่อกำไรสุทธิในปี 2568 รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้นของรพ. SSO
Investment Topics
ประเด็นสำคัญจากการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ต.ค. อิงจากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ สำนักงานประกันสังคม (SSO) ได้รับรู้ว่าการใช้บริการของโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) มีการเติบโตที่ 5-6% ต่อปี ในช่วงปี 2563-66 และต้นทุนการให้บริการแตกต่างกันไปในแต่ละโรงพยาบาล โดยเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงเรียนแพทย์มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่า 12,000 บาท/RW ทั้งนี้ มีการเสนอเพิ่มงบประมาณต่อหัวเป็น 800-900 บาท จากปัจจุบันที่ 746 บาท นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับงบประมาณต่อหัวสำหรับโรคเรื้อรัง ซึ่งไม่ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นเวลา 4-5 ปีแล้ว การประชุมครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งจะพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนการประชุมครั้งที่สามน่าจะได้ข้อสรุปสุดท้าย แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน ก่อนที่โรงพยาบาลในระบบ SSO ทั้งหมดจะต่อสัญญาบริการกับ SSO ภายในสิ้นปีนี้
รายได้ผู้ป่วย RW>2 ในไตรมาส 4/2567 บล.กสิกรไทยมีสมมติฐานว่า BCH, CHG และ RJH จะบันทึกรายได้จากผู้ป่วย RW>2 ที่อัตรา 7,200 บาท/RW โดยบล.กสิกรไทยประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเท่ากับจำนวนที่บันทึกในไตรมาส 2/2567 หากรวมผลกระทบดังกล่าวในไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 4/2567 จะคิดเป็นสัดส่วน 7-9% ของกำไรสุทธิในปี 2567 กรณีที่ไม่รวมผลกระทบจากการปรับลดรายได้ผู้ป่วย RW>2
การวิเคราะห์ความอ่อนไหว บล.กสิกรไทยมีสมติฐานว่า SSOจะเพิ่มงบประมาณต่อหัวสำหรับ RW>2 ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดการปรับลดรายได้ RW>2 จากการชำระเงินในอัตราต่ำกว่ามารตฐานของ SSO อย่างที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2566,ไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 4/2567 อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทยไม่ได้คาดการณ์ว่า SSO จะมีการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายที่ 12,000 บาท/RW หาก SSO เพิ่มอัตราการจ่ายเป็น 13,000-15,000 บาท/RW และสมมติว่ารายได้จาก RW>2 มีสัดส่วน 20% ของรายได้ SSO รวมจะมีความเสี่ยงขาขึ้นต่อกำไรสุทธิในปี 2568 ของ BCH ที่ 4-11%, CHG ที่ 3-9% และ RJH ที่ 5-15% นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงขาขึ้นต่อมูลค่าอิงวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 3-8% สำหรับ BCH, 3-9% สำหรับ CHG และ 7-21% สำหรับ RJH
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยมี PR9 เป็นหุ้นเด่น บล.กสิกรไทยเห็นว่าการประชุมสะท้อนความคืบหน้าในการหารือเกี่ยวกับปัญหา RW>2 ซึ่งสนับสนุนมุมมองของบล.กสิกรไทยว่า SSO จะปรับเพิ่มอัตรางบประมาณต่อหัวในปี 2568 แม้ว่าการเพิ่มงบประมาณต่อหัวจะไม่มีผลกระทบต่อประมาณการและมูลค่าหุ้นของเรา แต่หากมีการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินให้มากกว่า 12,000 บาท/RW จะส่งผลดีต่อโรงพยาบาลในระบบ SSO โดยผู้ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์มากที่สุดคือ RJH ขณะที่ BCH และ CHG น่าจะได้รับผลประโยชน์ใกล้เคียงกัน และเราคาดว่าการประชุมครั้งถัดไปจะสร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อราคาหุ้นของโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.new
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม