#SET #หุ้นไทย #ทันหุ้น-บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังซบเซาต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยปริมาณการซื้อขายยังหดตัว โดยประเด็นหลักที่ปกคลุมนั้นมาจากเรื่องภาษีการค้าสหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขึ้น การเมืองในประเทศไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งหากนักลงทุนมองภาพเช่นนี้ ตลาดหุ้นเอเชียก็น่าจะปรับตัวได้ไม่ดี ไร้ทิศทางเช่นเดียวกับไทย (หรือเปล่า)

อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนติดลบ 5.18% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่รวมอัตราเงินปันผลจากต้นปีถึงสิ้นเดือนมิถุนายนติดลบ 22.18% ซึ่งยังคงเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแย่สุดในเอเชีย โดยมุมมองผมเองก็ต้องยอมรับว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทยดูชัดเจนน้อยที่สุดเมื่อได้มีโอกาสเข้าฟังการบรรยายแผนพัฒนาของรัฐบาลอินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้

อัตราผลตอบแทนที่ย่ำแย่สุดของตลาดหุ้นไทยไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนสถาบัน หรือนักวิเคราะห์เท่าไรในความคิดผม ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากปริมาณเม็ดเงินนักลงทุนต่างประเทศ สถาบันในประเทศเองก็ยังลดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเดือนที่ผ่านมา

ผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจส่งผลด้านลบต่อตลาดหุ้นไทยในวงกว้างขึ้น หลายธุรกิจกำไรหดตัวจากปีก่อน แต่หลายบริษัทที่กำไรทรงตัวหรือดีขึ้น ราคาหุ้นก็ยังร่วงลงอย่างน่าใจหาย สิ่งที่หลายคนไม่คาดขึ้นก็เกิดขึ้นเมื่อมูลค่าตลาดหุ้นไทยร่วงต่ำกว่าระดับต่ำสุดช่วงเวลาโควิดระบาด และประเทศไทยปิด

แม้ว่าตัวเลขส่งออกประเทศในไตรมาสแรกโตขึ้นได้ดีมาก แต่นักวิเคราะห์ดูจากตัวเลขส่งออกเทียบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตอุตสาหกรรมก็ไม่สอดคล้องกัน รวมถึงยอดนำเข้าสินค้าจากจีนของไทยพุ่งผิดปกติก็พอจะสรุปได้ว่า ประเทศไทยนั้นคือทางผ่านของสินค้าจีนสวมสิทธิ์เข้าสหรัฐ ซึ่งก็เกิดขึ้นในหลายประเทศอาทิเช่น เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ นั่นคือสิ่งที่สหรัฐเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในเอเชีย ดังนั้นตัวเลขส่งออกของไทยในอนาคตก็คงจะหดตัวลง โดยทีมเจรจาไทยแลนด์จะเจรจาได้ตัวเลขอัตราภาษีได้ดีกว่าเวียดนามที่ 20% ก็ต้องติดตามเอาใจช่วย และหากผลลัพธ์ออกมาดี ไทยได้อัตราภาษีนำเข้าน้อยกว่าเวียดนาม ตลาดหุ้นไทยก็น่าจะขึ้นไปต่อได้อีกสักพัก

ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวอายุ 10 ปีขึ้นไปสูงสุดระดับ 4.80% และไต่ขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมไปสูงสุดที่ 4.60% โดยสงครามในตะวันออกกลางอิสราเอล-อิหร่านไม่กระจายตัว และรอการประมูลพันธบัตรรอบใหม่ของสหรัฐเพื่อมาไถ่ถอนตัวเดิมที่ครบกำหนด ดังนั้นประเด็นยังไม่ได้จบ แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดพันธบัตร

และตลาดหุ้นรู้สึกดีขึ้นคือ ถ้อยคำของประธานเฟดสหรัฐที่เปิดทางสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้

สำหรับประเทศไทย ตลาดหุ้นไทยถอยรูดลึกขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกค่อยๆ ฟื้นตัว ชี้ถึงนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และทิศทางเศรษฐกิจไทย ผลกระทบเรื่องภาษีการค้าสหรัฐ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขึ้น ในข้างต้นกระทบทุกประเทศ ดังนั้นไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้อีกต่อไป ค่าพีอีคาดการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่เคยเทรดระดับ 15 เท่า เหลือเพียง 12.7 เท่า (ณ วันที่ 2 มิ.ย. 2568) เทียบกับค่าพี/อีคาดการณ์เฉลี่ยตลาดหุ้นเอเชียระดับ 13.58 เท่า หรือ มีส่วนต่างราว 10% บ่งบอกว่า นักลงทุนต้องการเห็นกลไกการทำงานที่มีทิศทางชัดเจน และปฏิบัติกันอย่างจริงจัง มิฉะนั้น ตัวเลขอัตรา Discount ของตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในอดีตนั้นเราเคยเห็นมูลค่าตลาดหุ้นไทย Discount ไปถึง 15% เทียบกับค่าเฉลี่ยพี/อีของเอเชีย หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรดี และอัตราเงินปันผลสูงที่น่าสนใจ คือ CBG, ITC, CPALL, CPAXT

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

FACEBOOK :

ท้นหุ้น คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

ทันหุ้นออนไลน์ คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

YOUTUBE : Thunhoon คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok : Thunhoon คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/