เคาะ OSP

#ทันหุ้น - OSP รายงานผลประกอบการ 1/25 รายได้จากการขาย 6,831 ล้านบาท -5.9%YoY แต่ +6.4%QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทำสถิติสูงสุดที่ 40.3% เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่งผลให้กำไรสุทธิหลักแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 970 ล้านบาท (+17.1%YoY, +57.9%QoQ) โดยได้รับแรงหนุนจากพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อธุรกิจ รวมถึงการเติบโตของธุรกิจหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มต่างประเทศ (เมียนมาร์และลาว) และสินค้า Personal Care ทั้งนี้บริษัทมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่ำ (Net D/E = -0.07 เท่า) พร้อมรองรับการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว

ณ เดือนเมษายน 2025 OSP ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มทั้ง Energy Drinks (45.0%) และ Functional Drinks (46.9%) แม้ Energy Drinks จะลดลงเล็กน้อย -30 bps YoY แต่ Functional Drinks เพิ่มขึ้น +390 bps YoY ขณะที่ตลาดรวมของทั้งสองกลุ่มเติบโต +3.2%YoY และ +0.4%YoY ตามลำดับ

ด้านสินค้า Personal Care ผลิตภัณฑ์ Baby Liquid Soap มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 36.3% (+40 bps YoY) แต่เผชิญกับการหดตัวของตลาด -5.7%YoY เช่นเดียวกับ Baby Talcum, Women’s และ Men’s Deodorant ซึ่ง OSP ครองอันดับ 2 และ 3 โดยรวมแล้วกลุ่มเครื่องดื่มยังคงเป็นจุดแข็งของบริษัท ในขณะที่กลุ่ม Personal Care เผชิญกับภาวะตลาดที่ชะลอตัว

แนวโน้มปี 2025 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่ม International Beverages และ Personal Care ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่า 10% ขณะที่กลุ่ม Domestic Beverages ทรงตัวหรือฟื้นตัวเล็กน้อย (0–3%) ส่งผลให้ยอดขายรวมคาดว่าจะเติบโต 2–5% ทั้งนี้บริษัทยังคงเน้นการขยายอัตรากำไรอย่างต่อเนื่องจากการผสมสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น การประหยัดต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ และการควบคุมต้นทุนคงที่ต่อหน่วยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งบริหาร SG&A อย่างรัดกุมผ่านการลงทุนในห่วงโซ่อุปทาน

Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิทั้งปีที่ 3.1 พันล้านบาท +80.4%YoY และมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 18.9 บาท ขณะที่แนวโน้ม 2Q25F คาดว่าจะชะลอตัวลง QoQ ตามฤดูกาล รวมถึงผลของการปรับลดราคา M-150 เต็มไตรมาส แต่ทั้งนี้เราเห็นส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่ม Energy drink ดีขึ้น YTD ส่วนในเชิง Valuation ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE25F ที่ 14.7 เท่า เทียบกับ CBG ที่ 17.9 เท่า มองว่าราคาปัจจุบันควรซื้อขายใกล้เคียงกับคู่แข่ง เนื่องจาก EPS growth ที่โดเด่นในปีนี้ และความเป็นผู้นำอุตสาหกรรม มองเป็น upside ของราคาในอนาคต

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค มีแรงซื้อกลับขึ้นด้วยแท่งเทียนสัญญาณบวกไม่สร้างจุดต่ำใหม่กว่า ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับ Indicator ที่กลับตัวขึ้น ระยะสั้นปรับทดสอบยืน SMA 15-14.90 ได้มั่นคง มีโอกาสที่เกิด Key Reversal แนวต้าน 15.40 ผ่านยืนเป็นสัญญาณซื้อ แนวต้านหลักจุดสูงแท่งเทียน Triple Top 16.10-16.20

คำแนะนำ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือหรือซื้อเพิ่ม มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 15.40/15.70/16.20

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 15-14.90/14.30 ไม่ควรต่ำกว่า