> Trendtalk > BBL

21 ตุลาคม 2024 เวลา 06:30 น.

TrendTalk : เจาะ BBL

#BBL #ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,500-1,505 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,480 ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,520 แต่มีแนวรับสำคัญที่ 1,480 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BBL หรือ ธนาคาร กรุงเทพ  จำกัด (มหาชน)


ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ธุรกิจ ทั้งขนาดใหญ่ SME ตลอดจนฐานลูกค้าบุคคล โดยมีสาขาในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และมีเครือข่ายในต่างประเทศครอบคลุมเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก


ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 12,476 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.54 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 กำไรสุทธิ 11,349 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.95  บาท


ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 34,806 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 18.23 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 66 กำไรสุทธิ 32,772 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 17.17 บาท


BBL รายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี 2567 จำนวน 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.4%จากการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคารและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.05%


ส่วนในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ จำนวน 12,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.7% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 9.9% โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันปีก่อน รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม


สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุนตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี


สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด โดยที่ธนาคารยังคงรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 46.3%


ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับ 9เดือนปี 2567 มีจำนวน 27,204 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน


ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,638,697 ล้านบาท ลดลง 1.2% จากสิ้นปีก่อน โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ยังคงมีการเติบโต สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.4% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 266.6%เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง


ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 จำนวน 3,109,982 ล้านบาท ลดลง 2.3% จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.8% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 20.8% , 17.4% และ 16.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด


ในไตรมาส 3 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ การส่งออกของไทยที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การส่งออก และการขยายตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากน้ำท่วม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่สำคัญต่อการจัดหาพลังงานโลก และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในช่วงปลายปีนี้


แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางขยายตัว แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นความท้าทายหรืออาจเป็นโอกาสทางธุรกิจ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อบริบทโลกให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ ตลอดจนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่

\

ราคาหุ้นถูกขายที่แนวต้าน 158-160 ลงไปทดสอบแนวรับที่ 148 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังอยู่ระหว่างการปรับฐาน โดยมีแนวรับที่ 150 และ 148 แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 158 ขึ้นไป จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 165

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X