ปี 68 กลุ่มรับเหมาฯแห่ชิงเค้กโครงการรัฐฯ บล.กสิกรฯมอง CK-SEAFCO เด่น

#CK #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย

บล.กสิกรไทยจัดงาน "Construction Week" เมื่อวันที่ 15 ต.ค. โดยมี CK และ SEAFCO เป็นวิทยากรรับเชิญ ในขณะที่ STEC และ TEAMG จะเข้าร่วมในวันที่ 18 ต.ค.

CK และ SEAFCO มองว่าโครงการปี 2568 จะเป็นโครงการสาธารณะเป็นหลัก ในขณะที่ยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการเอกชนขนาดใหญ่ใด ๆ

มุมมองเชิงบวกต่อภาคธุรกิจ หุ้นเด่นได้แก่ CK และ SEAFCO บล.กสิกรไทยมองว่าราคาหุ้นทั้งสองยังปรับตัวช้ากว่า Backlog และแนวโน้มกำไร

Investment Topics

เหตุการณ์ ในช่วงวันที่ 15-18 ต.ค. บล.กสิกรไทยได้จัดงาน KS-C-Series ในหัวข้อ "Construction Weeks" โดยมี CK, STEC, SEAFCO และ TEAMG เข้าร่วมเป็นวิทยากร ในวันที่ 15 ต.ค. CK และ SEAFCO ได้เข้าร่วมพร้อมทีมผู้บริหาร ทั้งสองบริษัทฯ มองว่าโครงการหลักในปี 2568 จะเป็นโครงการภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่ยังไม่เห็นแผนเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่จากภาคเอกชน ส่วน STEC และ TEAMG มีกำหนดเข้าร่วมงานในวันที่ 18 ต.ค.

ประเด็นสำคัญ - CK ประการแรก พวกเขากล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล หากไม่มีการลงทุนใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดช่องว่างส่วนลดการถือครองได้ ประการที่สอง กำไรปกติไตรมาส 3/2567 จะโดดเด่น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของ CKP และ BEM ประการที่สาม ด้วยกำลังการผลิตปัจจุบัน CK สามารถเพิ่มรายได้เป็น 5.0-5.5 หมื่นลบ. ได้โดยไม่ต้องอัดฉีดค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) เพิ่มเติมหรือจ้างพนักงานเพิ่ม สุดท้าย น้ำท่วมในภาคเหนือ ทำให้บางส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ล่าช้า แต่อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบ

ประเด็นสำคัญ - SEAFCO ประการแรก การแข่งขันการประมูลยังคงเข้มข้น เนื่องจากขาดโครงการใหม่ในตลาด ประการที่สอง SEAFCO คาดว่าจะลงนามสัญญาโครงการตอกเสาเข็มรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม ในช่วงปลายปี 2567 สุดท้าย พวกเขาคาดว่ารายได้ในปี 2567 จะทรงตัว YoY แต่คาดว่ารายได้ในปี 2568 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากการเริ่มโครงการ MRT สายสีส้มและโครงการใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในเชิง YTD ราคาหุ้น CK ลดลง 1.9% ขณะที่ SEAFCO เพิ่มขึ้น 4.3% เทียบกับ SET Index ที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในแง่ของมูลค่าองค์กรเป็น % เทียบกับปี 2562 CK/SEAFCO อยู่ที่ 136%/33% และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปี 2567 อยู่ที่ 590%/39%

Valuation and Recommendation

มุมมองเชิงบวก บล.กสิกรไทยคงมุมมองเชิงบวกต่อภาคบริการก่อสร้าง เนื่องจากมีการประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้น งบประมาณกระทรวงคมนาคมที่เพิ่มขึ้น และความคาดหวังในการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ สำหรับปี 2568 บล.กสิกรไทยคาดว่าโครงการขนาดใหญ่จะมาจากภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับแนวโน้มของ CK และ SEAFCO ขณะที่โครงการภาคเอกชนขนาดใหญ่ อย่าง วัน แบงค็อก และ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ไม่น่าจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

การประเมินมูลค่า บล.กสิกรไทยมองว่า CK และ SEAFCO ยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมากจากแนวโน้ม Backlog และราคาหุ้นปัจจุบัน สำหรับ SEAFCO บล.กสิกรไทยคาดว่าจะได้รับ Backlog ใหม่จาก MRT สายสีส้ม มูลค่า 1 พันลบ. ซึ่งจะทำให้ Backlog ของ SEAFCO เพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนโควิด-19 ที่ 2.2 พันลบ. แต่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่เพียง 0.4 เท่าของระดับนั้น ขณะที่ CK มี Backlog ปัจจุบันที่ 2.22 แสนลบ. ซึ่งมากกว่าระดับปี 2562 ถึง 6 เท่า แต่ราคาหุ้นปัจจุบันกลับอยู่ในระดับเดียวกับปี 2562 ในแง่ของกำไรปกติในปี 2568 กำไรปกติของ CK/SEAFCO คาดว่าจะอยู่ที่ 220%/11% ของระดับก่อนโควิด-19 แต่ราคาหุ้นอยู่ที่เพียง 107%/40% ของระดับก่อนโควิด-19

หุ้นเด่น CK ("ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 27.3 บาท) and SEAFCO ("ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.24 บาท) บล.กสิกรไทยชอบ CK เนื่องจากมี Backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.22 แสนลบ. ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บล.กสิกรไทยชอบ SEAFCO ในกลุ่มผู้รับเหมาตอกเสาเข็มจากศักยภาพในการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มและโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่กำลังจะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งได้แรงหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล

ความเสี่ยงขาลงได้แก่ ความล่าช้าในการประมูลโครงการภาครัฐ การชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชน การปรับขึ้นแรงเร็วกว่าคาด และความไม่มั่นคงทางการเมือง