กระทรวงคมนาคมเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ CK-หุ้นคุณค่า STEC-หุ้นที่มีเรื่องราว

#CK #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย

บล.กสิกรไทยระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้กำหนดแผนปฏิบัติการที่มุ่งเน้นการเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจกต์ใหม่อย่างเร่งด่วน โครงการที่อยู่ในแผนมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.69 แสนลบ.

จากสถิติที่ผ่านมา CK และ STEC มีโอกาสสูงที่จะได้ backlog ใหม่มูลค่า 9.4 หมื่นลบ. และ 9.2 หมื่นลบ. จากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในปี 2568

ยังคงมุมมองเชิงบวก หุ้นเด่นของเราคือ CK และ SEAFCO เราเชื่อว่า CK มี upside มากที่สุดจาก backlog ใหม่ แต่ STEC เป็นหุ้นที่มีเรื่องราวดีสุด

Investment Topics

มีอะไรใหม่? เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายสุริยะ จึงร่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประกาศนโยบายพร้อมแผนการเปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใหม่อย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยในทุกด้านทั้งถนน ทางราง การบิน และการขนส่งทางน้ำ มูลค่ารวมของโครงการเมกะโปรเจกต์ที่กระทรวงคมนาคมวางแผนที่จะเปิดประมูลระหว่างใตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 3/2568 รวมทั้งสิ้น 4.69 แสนลบ.

สถิติที่ผ่านมาเราได้สังเกตเห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผู้ชนะการประมูลในโครงการเมกะโปรเจกต์มีมูลค่ารวมของการก่อสร้างทั้งหมด 6.27 แสนลบ. ผลลัพธ์พบว่า CK และ STEC ต่างมีรายได้งานคิดเป็น 20% ของส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เน้นทางรถไฟ ในขณะที่โครงการทางด่วนและมอเตอร์เวย์มักถูกแบ่งออกเป็นสัญญาที่เล็กลง ซึ่งมีมูลค่าสัญญาและอัตรากำไรที่ต่ำกว่า

ผลกระทบ เราคาดว่า CK และ STEC จะคงส่วนแบ่งตลาดที่ 20% ในการประมูลโครงการใหม่มูลค่า 4.69 แสนลบ. ดังนั้น เราคาดว่า CK จะได้รับโครงการใหม่รวมมูลค่า 9.5 หมื่นลบ. และ STEC ประมาณ 9.3หมื่นลบ. โดยพิจารณาจากประวัติที่ผ่านมา ในแง่ของความเสี่ยงขาขึ้น เรายังไม่รวม backlog ใหม่ที่เป็นไปได้สำหรับ CK เนื่องจากระดับ backlog ที่สูงตลอดกาลในปัจจุบันครอบคลุมรายได้และประมาณการกำไรของเราในปี 2567-69 แล้ว ดังนั้นทุก ๆ 1 หมื่นลบ. ที่ CK ชนะการประมูลใน backlog ใหม่ จะมีผลต่อราคาเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.23 บาท/หุ้น หรือ 0.9% ส่าหรับ STEC เราได้รวม backlog ใหม่มูลค่า 4 หมื่นลบ.ในปี 2568 ดังนั้นทุก ๆ 1 หมื่นลบ.ที่ STEC ได้รับนอกเหนือจากสมมติฐาน backlog ใหม่มูลค่า 4 หมื่นลบ.ของเรา จะส่งผลให้ราคาเป้าหมายของ STEC เพิ่มขึ้นประมาณ 0.26 บาท/หุ้น หรือ 2.9%

แนวโน้ม บล.กสิกรไทยยังคงมองในแง่บวกเกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจกต์ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 3/2568ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณประจำปี 2568 หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ เราคาดว่ากลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจะน่าสนใจมากขึ้นหลังจากช่วงที่ซบเซาเนื่องจากไม่มีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหม่ ๆ เราคาดว่า STEC จะเป็นหุ้นที่มีเรื่องราวดีที่สุดในปี 2568 เนื่องจากมีความสามารถในการดำเนินโครงการใหม่ที่ยังเหลืออยู่มาก เนื่องจากขาดโครงการเมกะโปรเจกต์ใหม่ตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ตาม เราได้รวมศักยภาพนี้เป็นส่วนใหญ่ในการประเมินมูลค่าของ STEC แล้ว แม้ว่า CK อาจไม่ได้เป็นผู้นำในการได้รับ backlog ใหม่เนื่องจากมี backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.22 แสนลบ. แต่อาจมี upside ที่มีนัยสำคัญหาก CK ได้รับโครงการใหม่ เนื่องจากเรายังไม่ได้รวมโครงการใหม่ใด ๆ ในการประเมินมูลค่าปัจจุบันของ CK

Valuation and Recommendation

มุมมองเชิงบวก บล.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มบริการก่อสร้างอันเนื่องมาจากการประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น งบประมาณของกระทรวงคมนาคมที่เพิ่มขึ้น ความคาดหวังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

หุ้นเด่น CK ("ซื้อ", ราคาเป้าหมาย 27.30 บาท) และ SEAFCO ("ซื้อ", ราคาเป้าหมาย3.24 บาท) เราชอบ CK เนื่องจากมี backlog ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.22 แสนลบ. ซึ่งสามารถรองรับประมาณการการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งของเราได้ นอกจากนี้ เรายังชอบSEAFCO ในกลุ่มผู้รับเหมาตอกเสาเข็มในด้านศักยภาพในการรับงานโครงการรถไฟฟ้า MRTสายสีส้มและโครงการขนาดใหญ่ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล

ความเสี่ยงขาลงได้แก่ ความล่าช้าในการประมูลโครงการภาครัฐ การชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชน การปรับขึ้นค่าแรงเร็วกว่าคาด และความไม่มั่นคงทางการเมือง