#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่อง BTG มองแบบระมัดระวังต่อแผนการลงทุนในธุรกิจไข่ไก่ในสิงคโปร์จากการเข้าซื้อหุ้นบริษัท Eggriculture แม้ว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นผลบวกเล็กน้อยในแง่ของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากการรวมงบบริษัทใหม่เข้ามา แต่ BTG จะมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายวิจัยยังสงสัยต่อแนวโน้มการเติบโตของ Eggriculture ในอนาคต เนื่องจากราคาไข่ไก่ในสิงคโปร์เริ่มทรงตัว และการแข่งขันก็น่าจะสูงขึ้นในอนาคต synergy ที่คาดว่าจะได้จากธุรกิจใหม่น่าจะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเห็นผลชัดเจน อย่างไรก็ดี ตามผลของการรวมงบธุรกิจใหม่เข้ามา ได้ปรับขึ้นคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2568F ขึ้น 5% มาเป็น 2.97 พันล้านบาท คงคำแนะนำถือ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 23.00 จากเดิมที่ 21.50 บาท
ประชุมนักวิเคราะห์-ปรับประมาณการกำไร
แจ้งแผนเข้าซื้อกิจการใหม่ในธุรกิจไข่ไก่ในสิงคโปร์ BTG แจ้ง SET ว่าบริษัทมีแผนจะเข้าซื้อหุ้นของ Eggriculture Foods Limited (Eggriculture) และ ถอนหุ้น Eggriculture ออกจาก Hong Kong Stock Exchange โดยธุรกรรมนี้คิดเป็นมูลค่า HKD444.38 ล้าน (ประมาณ 1,993 ล้านบาท) สำหรับการเข้าซื้อหุ้น 75% โดย Betagro Foods (Singapore) Pte. Ltd. (Betagro Foods) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่เข้าไปซื้อดังกล่าวคิดเป็น trailing PER ของกำไรจากธุรกิจหลักปี FY2567 ของ Eggriculure ที่ 10x โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ ในขณะเดียวกันบริษัทจะจ่ายค่าหุ้นอีก 25% โดย Betagro Foods จะออกหุ้นใหม่มาให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ Eggriculture (Radiant Grand International Limited) ซึ่งคาดว่าธุรกิจทั้งหมดจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยใน Q1/68
ฝ่ายวิจัยมองแบบระมัดระวังกับแนวโน้มการเติบโตจากดีลนี้ และการแข่งขันที่สูงขึ้น แม้จะคาดว่าดีลนี้จะทำให้กำไรสุทธิปี 2568F เพิ่มขึ้นจากเดิม 5% หรือ 132 ล้านบาท ในปี 2568F อย่างไรก็ตาม BTG จะมีภาระหนี้เพิ่มอีก 2.1 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วน IBD/ทุน เพิ่มขึ้นเป็น 0.69x จาก 0.61x ในปี 2568F ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายวิจัยยังสงสัยแนวโน้มการเติบโตของกำไร Eggriculture ในระยะต่อไป เพราะราคาไข่ในสิงคโปร์เริ่มจะทรงตัวหลังจากที่พุ่งขึ้นมาแรงในช่วงปี 2565-2566
นอกจากนี้ ยังคาดว่าการแข่งขันจะสูงขึ้นในอนาคตตามนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ที่จะเสริมความมั่นคงทางอาหารของประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมธุรกิจใหม่นี้เข้ามาทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ขึ้นอีก 5% เป็น 2.97 พันล้านบาท (+60% YoY) ซึ่งการรวม Eggriculture เข้ามาจะทำให้ยอดขายรวมของ BTG เพิ่มขึ้น 2% และ ทำให้ GPM เพิ่มขึ้น 0.3ppts ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 14%
ในขณะเดียวกัน BTG คาดว่าจะเกิด synergy จากสามด้าน ได้แก่ i) การวางจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มผ่าน Eggriculture ii) การใช้ Eggriculture เป็นทางประตูสู่การสร้างความเข้มแข็งของสินค้าแบรนด์ BTG ในสิงคโปร์ และ iii) การใช้ knowhow ของ BTG ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของ Eggriculture อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่จะเห็นผลบวกจากธุรกิจใหม่
ยังคงคำแนะนำถือ BTG เพราะคาดว่าธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามราคาหมูในประเทศ เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 23.00 บาท (อิงจาก PER ที่ 15x) จากเดิมที่ 21.50 บาท Risks ความผันผวนของต้นทุนอาหารสัตว์ และ ราคาขาย, เศรษฐกิจชะลอตัว
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม