หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ความท้าทายที่รออยู่

#CK #ทันหุ้น - บล.บัวหลวงสำรวจความเห็นผู้ประกอบการที่เกี่ยวโยงกับประเด็นการเบิกจ่ายเงินงบประมาณลงทุน (ผ่านการสัมภาษณ์) เพื่อนำมาสรุปให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์หน้างานจริงของผู้ประกอบการ หลังงบฯ ปีที่แล้วเบิกจ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และความคาดหวังและความกังวลที่รออยู่ในอนาคต โดยได้ข้อสรุป แต่ละประเด็นดังนี้

สถานการณ์หน้างาน ไม่ได้สดใสเหมือนที่เห็นตัวเลขที่เป็นภาพรวม...

จากรายงานอัตราการการเบิกจ่ายงบลงทุนเพิ่มจาก 12.9% ในเดือน มี.ค.(ก่อนใช้งบฯ) มาอยู่ที่ราว 39.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีการเร่งการเบิกจ่ายขึ้นมา (แต่ก็เห็นว่าขยับช้าลงตั้งแต่ มิ.ย.) เราจึงได้ทำการสำรวจความเห็นผู้เล่นกลุ่มต่างๆ CK STEC (ตัวแทนรับเหมาใหญ่) CIVIL SEAFCO(ตัวแทนรับเหมากลาง-เล็ก) และ SCC DOHOME (ตัวแทนผู้ขายวัสดุฯ)

ภาพรวมเป็นบวกเพียงเล็กน้อย (ไม่ได้มากเท่าที่เคยคาดหวังก่อนหน้า) เพราะกระแสเงินสด ยังคล้ายเดือนก่อนเดือนที่งบฯ ผ่าน และดเหมือนว่าจะเป็นการไปเร่งเบิกบนโครงการขนาดกลาง-เล็ก และในต่างจังหวัด (กลุ่มงานท้องถิ่น)เพราะโทนลูกค้างานโครงการของ DOHOME ดูจะดีกว่ากลุ่มอื่น กอรปกับ CIVIL ที่ไปเพิ่มสัดส่วนงานขนาดกลาง-เล็กเพิ่มขึ้น ก็เห็นสัญญาณดังกล่าวรวมไปถึงอาจจะไปเร่งในฝั่งงานวางระบบมากกว่า (ดูในการสำรวจกลุ่มเทคฯ)

ทั้งนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างมีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ในการสร้างกระบวนการเบิกจ่ายให้มีประสิทธิภาพขึ้น

ความคาดหวังกับโครงการใหญ่ยังมี แต่อาจเปลี่ยนไปจากเดิม

นอกจากงานใหญ่ออกช้ากว่าคาด ผู้รับเหมามีข้อกังวลเกี่ยวกับงบปีหน้าตรงกันว่า กลัวจะถูกจัดสรรใหม่ (Re-allocation) ไปยังโครงการที่รัฐบาลจะโฟกัส และ/หรือ นำมาสู่โอกาสเร่งงานใหม่ลดลง ซึ่งเรามองว่าต้องติดตามร่างพ.ร.บ. งบฯ ช่วงปลาย ส.ค. รวมทั้งข่าวเกี่ยวกับงานประมูล ซึ่งเราสังเกตุว่ามีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง เช่น เดิมต้นปีเร่งกลุ่มงานถนน ตอนนี้เงียบไป มาเป็นงานรางมากขึ้น หรือการปรับแบบบางโครงการ ต้องกลับไปพิจารณาใหม่ เป็นต้น ส่วนงานเอกชนตอนนี้จะเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเป็นหลัก

ยังมีสัญญาณที่น่ากังวลจากฝั่ง Sub-contractors

ปัญหาสภาพคล่องของผู้รับเหมาช่วง (ส่วนใหญ่อยู่นอกตลาด) ยังคงไม่ได้ดีขึ้น และผู้จ้าง (ราย ใหญ่) มีแนวโน้ม Monitor ละเอียดขึ้น รวมทั้งต้องช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง เพราะนอกจากจะแบกภาระรองบฯ มานาน ยังต้องเผชิญความเสี่ยงการจ่ายเงินของเจ้าของงานกลุ่มเอกชนบางรายที่อาจจะขาดสภาพคล่อง และแบกรับค่าแรงที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นด้วย (Sub-con ได้รับผลกระทบแรงงานตรงๆ) ส่วนงานเสาเข็มอย่าง SEAFCO ก็ยังพบว่างานฝั่งลูกค้าเอกชนยังไม่ดี แต่งานรัฐ จะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ที่เพิ่งคึกคักกลับขึ้นมา

สถานการณ์ไม่ใช่วิกฤติ เพียงแต่เส้นทางไม่ได้ราบรื่น

3 ประเด็นสำคัญ บนสถานการณ์ปัจจุบัน คือ 1) CK STEC CIVIL ที่เราให้คำแนะนำ มี Backlog รองรับรายได้ (Secured revenue) ที่ 2 ปีขึ้นไป จะมีภูมิต้านทานโรคเลื่อนมากกว่า 2) ผู้รับเหมางานกลาง-ใหญ่ที่สภาพคล่องพร้อม มีทางเลือกและอำนาจต่อรองกว่ากลุ่มอื่น 3) โครงการแบบ PPP และกลุ่มที่ใช้ทุนต่างประเทศ จะกลับมาเด่น หากรัฐฯ ต้องการกระตุ้นการลงทุนไปพร้อมกับการจัดสรรงบฯ ไปส่วนอื่นๆ ได้ด้วย ทั้งนี้ บล.บัวหลวงปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาฯ จาก "มากกว่าตลาด" เป็น "เท่ากับตลาด" ภาพรวมยังไม่หวือหวา เน้นการหาหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยหนุนเด่นกว่ากลุ่มฯ

Key Risks

ความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นต้น

ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การชะลอการประมูลงานโครงการ และการจำกัดระยะเวลา หรือช่วงเวลาก่อสร้าง เป็นต้น

ความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงขึ้น: ทั้งการแข่งขับกันเองเพื่อประมูลงาน และจากผู้รับเหมารายใหญ่จากต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่มีเครื่องมือที่กันสมัยเข้ามาร่วมแข่งขันได้ในบางโครงการ

ความเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุน: เช่น ต้นทุนเหล็ก (ราคาผันผวน ตามราคาตลาดโลก)ต้นทุนคอนกรีตและซีเมนต์ และต้นทุนพลังงาน เป็นต้นต้น

ความเสี่ยงจากการปรับค่าแรง: โดยเฉพาะการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะมีผลกับกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาที่สุดในตลาด เนื่องจากเป็นลักษณะ Labor intensive

ความเสี่ยงจากกฎระเบียบ และการกำกับดูและ เช่น การปรับเปลี่ยน พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้าง การปรับเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น