ดำเนินร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ "แม็คโคร"
ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 6,319 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.69 บาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 66 ที่มีกำไรสุทธิ 4,122 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.45 บาท
CPALL รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 6,319.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,122.7 ล้านบาท เป็นกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวม มีจำนวนเท่ากับ 0.69 บาท
ในไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้รวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 8.5โดยมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัว ซึ่งขับเคลื่อนโดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปีที่สร้างบรรยากาศ ที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการเท่ากับ 52,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงความสำเร็จ ในกลยุทธ์ด้านสินค้า ซึ่งไม่เพียงส่งมอบสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอีกด้วย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.3 จากร้อยละ 21.7 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
บริษัท มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 46,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายกลุ่มต้นทุนในการจัดจำหน่ายมีจำนวน 38,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2ในขณะที่กลุ่มค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวน 7,993 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเภทค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลักๆ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนพนักงาน ค่าบริหารร้านสาขา ในขณะที่ค่าไฟเริ่มปรับตัวลดลง จากค่าไฟต่อหน่วยที่ปรับลดลง ทั้งนี้ แต่ละกลุ่มธุรกิจยังคงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และมีประสิทธิภาพ
บริษัท มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 12,846ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัท มีต้นทุนทางการเงินลดลงจากการออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมก่อนกำหนด เมื่อปีก่อนของ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า หรือ CPAXT เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงในการบริหารค่าใช้จ่ายทางการเงิน
ช่วงไตรมาส 1/67 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 185 สาขา ส่งผลบริษัท มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,730 สาขา แบ่งเป็น 1. ร้านสาขาบริษัท 7,485 สาขา (ประมาณร้อยละ 51) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 149 สาขา ในไตรมาสนี้ 2.ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,245 สาขา (ประมาณ ร้อยละ 49) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 36 สาขา ในไตรมาสนี้ ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งประมาณร้อยละ 86 ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านใน สถานีบริการน้ำมัน ปตท.
นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยว่า มองแนวโน้มยอดขายต่อสาขา (SSSG) ในไตรมาส 2/67 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากภาพ Quarter-to-date (QTD) ที่ยังเติบโตได้ดีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับอากาศที่ร้อน ทำให้ช่วยหนุนการบริโภคดีต่อเนื่อง ทั้งในร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11, แม็คโคร (Makro) และ โลตัส (Lotus's) ขณะที่ก็มองว่าหากไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่าการอุปโภค บริโภคต่างๆ ยังคงเติบโตต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปีนี้ หรือสามารถสร้างยอดขายในระดับที่น่าพอใจได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากไตรมาสแรก SSSG โตระดับ 5%
บริษัท มีแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยยังคงแผนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ที่ 700 สาขา จากสิ้นไตรมาส 1/67 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 185 สาขา ส่งผลบริษัท มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,730 สาขา
ทั้งนี้บริษัท ยังมีแผนการเปิดสาขาใหม่ในประเทศกัมพูชา อีก 10 สาขา ส่วนในสปป.ลาว คาดเปิดในจำนวนหลักหน่วย จากไตรมาส 1/67 มีสาขาอยู่ที่ 84 สาขา และ 4 สาขา ตามลำดับ
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม