#CPALL #ทันหุ้น - รัฐบาลยืนยัน "ดิจิทัลวอลเล็ต" เริ่ม 4Q67 โดยรัฐบาลยืนยันว่าการแจกเงินดิจิทัลจะเริ่มให้ลงทะเบียนในไตรมาส 3/67 และ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/67เป็นเวลา 6 เดือน แหล่งที่มาของเงินทุนประกอบด้วยการจัดสรรจากงบประมาณปี FY2567-68 และจากมาตรการกึ่งการคลังตามมาตรา 28
บล.กสิกรไทย คาดว่าธุรกิจขนาดเล็กจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักของโครงการนี้ ในขณะที่บริษัทกลุ่มค้าปลีกจดทะเบียนในตลาดอาจได้รับผลกระทบเชิงบวกทางอ้อม
Key Highlights
รัฐบาลยืนยันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมาในไตรมาส 4/2567
รัฐบาลยืนยันว่าการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะสามารถเริ่มได้ในไตรมาส 3/2567และเงินดิจิทัลสามารถใช้ได้ในไตรมาส 4/2567 โดยเน้นความจำเป็นในการกระตุ้นนโยบายเนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า หลังสถานการณ์โควิด-19และเติบโตได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพ นอกจากนี้ผู้มีรายได้น้อยยังขาดกำลังซื้อและเผชิญปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ โครงการนี้มีระยะเวลา 6 เดือน และคาดว่าจะหนุนการเติบโตของ GDP ประมาณ 1.2-1.6%
กลุ่มเป้าหมายของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลคือผู้ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี หรือมีเงินฝากในบัญชีรวมกันไม่ถึง 500,000 บาท อย่างไรก็ตาม เงินดิจิทัลจะสามารถใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าขนาดเล็ก โดยเงินดิจิทัลไม่สามารถใช้กับบริการ เชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค และการซื้อทางออนไลน์ได้
ทั้งนี้ รัฐบาลจะพัฒนาซุปเปอร์แอปพลิเคชันใหม่สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแทนการใช้แอป เป๋าตัง ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ในส่วนของเงินดิจิทัลนั้นจะสามารถแปลงเป็นเงินบาทได้โดยร้านค้าที่ลงทะเบียนโครงการและอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น โดยจะสามารถแปลงเป็นเงินบาทได้จากการรับเงินดิจิทัลมาในรอบที่สองขึ้นไป
โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นจะใช้แหล่งที่มาของเงินทุนจากงบประมาณ FY2567-68 ( 1.75แสนลบ.จากงบประมาณปี FY2567 และ 1.527 แสนลบ.จากงบประมาณปี FY2568) และจากมาตรการกึ่งทางการคลังภายใต้มาตรา 28 จำนวน 1.723 แสนลบ.
Implication and Recommendation
กลุ่มค้าปลีกคาดว่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
แม้ยังมีความท้าทายอยู่ แต่เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะผลักดันโครงการตามที่สัญญาไว้ จากการประเมินของ KR อาจมีความเสี่ยงเชิงบวกต่อการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปี 2567 ประมาณ 0.5% เพิ่มจากกรณีฐานที่ 2.8%ซึ่งทำให้เราประเมินผลกระทบต่อเนื่องว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดจะมี upside ประมาณ 1.2% ซึ่งเรามองส่งผลดีต่อทิศทางตลาด
อย่างไรก็ตาม สำหรับเราแล้วดูเหมือนว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเวอร์ชันล่าสุดจะมีลักษณะคล้ายกับโครงการ "คนละครึ่ง" ในปี 2563-2565 แต่ผู้ใช้ไม่ต้องใส่เงินตัวเองก่อน เนื่องจากโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อเน้นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อย โดยพิจารณาจากรายได้และสถานะบัญชีธนาคาร ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่อว่าร้านค้าขนาดเล็กจะได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตั้งแต่รอบแรก ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนในภาคการพาณิชย์ เช่น CPALL, CRC, CPAXT และ COM7จะได้รับผลกระทบเชิงบวกทางอ้อมจากการใช้จ่ายในรอบที่สอง ซึ่งจะช่วยด้านการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมในระบบเศรษฐกิจและอุปสงค์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม