ส่อง DELTA ผ่านสายตาโบรก

#delta #ทันหุ้น – การซื้อขายหุ้นของ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วันที่ 29 ก.ค.68 ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 139.50-145.50 บาท ก่อนปิดครึ่งวันเช้าที่ 141 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 1.05% มูลค่าการซื้อขาย 1,939 ล้านบาท

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 ของ DELTA ออกมาต่ำกว่าที่คาด IAA Consensus โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำ “ขาย” จำนวน 11 ราย ขณะที่มีโบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ” 3 ราย และ “ถือ” 2 ราย โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 65-160 บาท มีค่ากลางที่ 87.50 บาท

บล.หยวนต้าคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 21,700 ล้านบาท (+20.7% YoY)

บล.หยวนต้าคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 66.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 37.9 เท่า

บล.หยวนต้าคงคำแนะนำเป็น "ขาย" หุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2568 ที่ 81.9 เท่า หรือ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต หุ้นแพงมากในแง่ P/E และแพงเทียบกับค่าเฉลี่ยของตัวเองในอดีต

บล.เคจีไอมองว่าการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3/2568 ทั้ง YoY และ QoQ ยังมีความท้าทายอยู่บ้าง แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะมีแนวโน้มลดลงหลังจากประเด็นค่าชดเชยสิทธิบัตรจบไปแล้ว แต่อานิสงส์ในส่วนนี้อาจจะถูกหักล้างไปบางส่วนกับ i) ยอดขายที่อาจจะลดลงหลังจากที่มีคำสั่งซื้อร่นเข้ามา (pull-in orders) ในปี 2568 และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะลดลงเพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น (อัตราแลกเปลี่ยน OTD อยู่ที่ 32.4บาท/ดอลลาร์ฯ จาก 32.7 บาท/ดอลลาร์ฯ ในปี 2568 และ 34.7 บาท/ดอลลาร์ฯ ในปี 2567) และการตั้งสำรองในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์

บล.เคจีไอยังคงคำแนะนำ "ขาย" DELTA โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 67.00 บาท อิงจาก PER ที่ 46.0 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต) ทั้งนี้ DELTA จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568

ความเสี่ยง - ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจากผู้จัดจำหน่ายรายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สมองแนวโน้ม - ยอดขายมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อ ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตยอดขายปีนี้เป็น 15-20% (เดิม 10-15%) นำโดยยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ AI

เชื่อว่าอัตราภาษีทรัมป์จะใกล้เคียงภูมิภาค - อัตราภาษีศุลกากรทรัมป์ยังไม่แน่นอน แต่คาดว่าสุดท้ายแล้วทางการไทยจะเจรจาให้ได้อัตราภาษีจะใกล้เคียงกับภูมิภาคที่ 19-20% ซึ่งยังเกื้อหนุนความสามารถในการแข่งขันภาคส่งออก รวมถึง DELTA ทั้งนี้ตลาดสหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของ DELTA คิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวม

การแข็งค่าของเงินบาท กดดันมาร์จิ้น โดยการแข็งค่าของเงินบาททุก ๆ 1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ GPM ลดลง 19%เมื่อปัจจัยอื่นคงที่

คำแนะนำการลงทุน - ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568-2569 แต่ยังคงคำแนะนำ "Fully Valued" บล.ดีบีเอสฯปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568-2569 ขึ้น 8%-13% สะท้อนยอดขายและ GPM ที่ดีกว่าคาดในครึ่งปีแรก 2568และยอดขายยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อ ซึ่งทำให้กำไรหลักปี 2568 โต 7% และขยายตัว 19% ในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E สูงถึง 87 เท่า และมี downside จากราคาพื้นฐานที่ให้ไว้88 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 54 เท่า (ค่าเฉลี่ย 5ปี)

บล.บัวหลวงระบุว่า แม้ข้อพิพาททางกฎหมายจบแล้วแต่ความท้าทายใหม่ ๆ กำลังเกิดขึ้นจากค่าใช้จ่ายภาษีที่อาจเกิดขึ้นในไตรมาส 3/2568 หากอัตราภาษีของประเทศไทยอยู่ที่ 20% บล.บัวหลวงประเมินค่าใช้จ่ายภาษีไว้ที่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกกลบบางส่วนจากการกลับรายการภาษี 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากไตรมาส 2/2568 อย่างไรก็ตาม หากอัตราภาษียังคงสูงกว่า 15% บล.บัวหลวงกังวลว่า DELTA จะไม่สามารถผลักภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทั้งหมดไปยังลูกค้า สำหรับไตรมาส 3/2568 ในขณะที่อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ AI/DC (50% ของรายได้) ยังคงแข็งแกร่ง แต่อีก 50% ซึ่งรวมถึง EV อาจเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น เนื่องจากลูกค้าอาจเจรจาให้ DELTA แบ่งเบาภาระ อีกประเด็นหนึ่งคือค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงประมาณ 1% QoQ ในอัตราปัจจุบัน การคาดการณ์เบื้องต้นของบล.บัวหลวงชี้ให้เห็นว่ากำไรหลักในไตรมาส 3/2568 น่าจะลดลง YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ

บล.บัวหลวงยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2568 ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

บล.บัวหลวงมองว่าราคาหุ้นน่าจะซื้อขายในกรอบตามรายงานเชิงกลยุทธ์วันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ธีม AI และความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบทางภาษีน่าจะยังคงเป็นโอกาสในการทำกำไร

บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ถือ" DELTA และราคาเป้าหมายเดิมที่ 105 บาท บล.กสิกรไทยคาดการณ์ว่ากำไรของ DELTA จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากความคืบหน้าในการลงทุนด้านดาต้าเซ็นเตอร์และ AI รวมถึงการย้ายคำสั่งซื้อจาก DELTA ไต้หวัน แต่บล.กสิกรไทยคาดว่าตลาดจะมีแรงขายระยะสั้นหลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ที่อ่อนแอ