#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ฝ่ายวิจัยได้พูดคุยอัปเดตถึงแนวโน้มธุรกิจกับฝ่ายบริหารของ ERW หลังจากที่ผลประกอบการใน Q1/68 ออกมาแข็งแกร่ง ประเด็นสำคัญคือ i) แนวโน้มธุรกิจใน Q2/68F ชะลอตัวลง QoQ, ii) โรงแรมกลุ่มบัดเจ็ท (HOP INN) จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2570 และ iii) คาดจะได้เห็นธุรกิจฟื้นตัวใน Q3/68F ขณะที่ฝ่ายวิจัยคิดว่ากำไร Q2/68F น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ก่อนที่จะฟื้นตัวใน 2H68F ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำหุ้นและราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังปรับประมาณกำไรใหม่ของฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้ คาด Q2/68F จะเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปีนี้ โดยประเด็นที่สำคัญๆ จากการพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัท เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เราได้พูดคุยอัปเดตแนวโน้มธุรกิจกับผู้บริหารของ ERW หลังจากที่มีผลการดำเนินงาน Q1/68 แข็งแกร่ง โดยมีประเด็นสำคัญจากงานนี้คือ
แนวโน้มธุรกิจ Q2/68F ชะลอตัว QoQ: โดยปกติ ธุรกิจการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2 ของปีจะชะลอตัวจากปัจจัยฤดูกาล ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทใน Q2/68F จะยังคงอ่อนตัวลง QoQ เป็นปกติ นอกจากนี้ เราคิดว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดจะเป็นปัจจัยลบอีกประการหนึ่งที่ส่งผลลบต่อผลประกอบการรวมในปีนี้ เนื่องจากสัดส่วนรายได้ของ ERW ราว 15% มาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนในปี 2567 แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้จะไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับตลาดนัก เพราะบริษัทได้แนะไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนขาเข้ามีการชะลอตัวระยะสั้น กรณีนี้น่าจะส่งผลต่อรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) ในกลุ่มโรงแรมชั้นประหยัด (economy) ถึงโรงแรม 5 ดาว (luxury) คิดเป็นประมาณ 78% ของรายได้รวมที่คาดว่าจะลดลง 10% YoY ใน Q2/68F ขณะที่ผลบวกจากการเติบโตของ HOP INN จะไม่สามารถชดเชยได้มาก เพราะกลุ่มโรงแรม HOP INN มีสัดส่วนรายได้ราว 22% ของรายได้รวม
กลุ่มโรงแรม HOP INN จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ภายในปี 2570: ERW มีแผนที่จะนำโรงแรม HOP INN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ด้วยเหตุผลหลัก ๆ หลายประการ เพื่อตอบรับกับกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทในการเป็นผู้นำในเครือข่ายโรงแรมราคาประหยัดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่การทำ IPO ครั้งนี้จะช่วยให้กลุ่มโรงแรม HOP INN สามารถระดมทุนจำนวนมากจากสาธารณชนได้ โดยที่เงินทุนก้อนนี้จะนำไปใช้ในการขยายเครือข่ายโรงแรม HOP INN ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ การลงทุนก่อนหน้านี้โดย Strategic Partner Lapis Hospitality Pte. Ltd. (บริหารโดย Lombard Asia V, L.P.) ได้ช่วยเสริมความพร้อมในการลงทุนและประสบการณ์การขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคของ HOP INN อย่างไรก็ดี การทำ IPO นี้จะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือใหม่ ๆ และดึงดูดพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาในอนาคตอีกด้วย
ประเมินธุรกิจจะฟื้นตัวใน Q3/68F: เมื่อพิจารณาใน Q3/68 บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการดำเนินงานดีขึ้น QoQ จากยอดการจองล่วงหน้าที่แข็งแกร่งขึ้นในกลุ่มโรงแรม HOP INN และที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan (นำโดยงาน Thailand Focus 2568) ดังนั้น ผลการดำเนินงานโดยรวมจึงคาดว่าจะดีขึ้นจากฐาน Q2/68F ต่ำ ด้วยโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องในฤดูการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4
ทางผู้บริหารไม่ได้กังวลถึงสัญญาเช่าของโรงแรม Grand Hyatt Erawan มากนัก: ประเด็นสัญญาเช่าระหว่างโรงแรม Grand Hyatt Erawan และเจ้าของพื้นที่ดินยังอยู่ในระหว่างกระบวนการต่อสัญญาเช่าระยะยาวกับรัฐบาล โดยที่ฝ่ายบริหารได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการสรุปผลจะใช้เวลาพอสมควร เพราะเจ้าของพื้นที่ดินอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง แต่อย่างไรก็ดี บริษัทได้ชำระค่าเช่ารายเดือนให้กับเจ้าของพื้นที่ดินในอัตราที่สูงกว่าสัญญาเดิมอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่สัญญาดังกล่าวข้างต้นได้หมดอายุไปแล้วเมื่อปี 2564
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำหุ้นและราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย ตามการปรับประมาณการกำไรใหม่
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม