> Trendtalk > ERW

04 มิถุนายน 2025 เวลา 06:30 น.

TREND TALK : เจาะ ERW

#ERW #ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,160 หลังจากพยายามฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,180 แต่ไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,140 และ 1,120


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ ERW หรือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนพัฒนาและดำเนินธุรกิจโรงแรมที่สอดคล้องกับทำเล สถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมาย เป็นธุรกิจหลัก โดยมีธุรกิจอื่น ได้แก่ ธุรกิจพื้นที่ให้เช่า และธุรกิจบริหารอาคาร


ERW รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“บริษัท”) มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์ด้านการสร้างความแข็งแกร่งจากพอร์ตโฟลิโอที่ยืดหยุ่นและหลากหลายครอบคลุมทั้งตั้งแต่กลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว ระดับกลาง ระดับประหยัด และระดับบัดเจ็ท (ฮ็อป อินน์) และการขยายโรงแรมไปยังต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละประเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ด้านการปรับอัตราค่าห้องพักเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่นักท่องเที่ยวเติบโตร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า แม้ในไตรมาส 1/68 จะมีปัจจัยที่กระทบสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนและเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ผลประกอบการก่อนรายการพิเศษของบริษัทยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง


บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 2,136 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 และบันทึกกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 785 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 และกำไรสุทธิจำนวน 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 นอกจากนี้บริษัทยังมีสถานะการเงินที่มั่นคงพร้อมสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคต

นางสาวอภิญญา งามอภิชน ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าบริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 68 ลงเหลือเติบโต 6-8% จากเดิมคาดโต 10% จากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่ากระทบผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2/68 และผลกระทบบางส่วนในระยะสั้นจากกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา


ทั้งนี้บริษัทได้ปรับลดประมาณการรายได้กลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว (Economy to Luxury) ปีนี้จะเติบโตเหลือ 3-5% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5-7% จากผลกระทบบางส่วนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงและเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนกลุ่มโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ยังคงประมาณการเติบโตของรายได้ปีนี้ไว้ที่เดิม 23%


ขณะที่การเดินทางนักท่องเที่ยวโดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยในประเทศจากกรณีเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวคนจีนในไทย โดยอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่อัตราการเข้าพักรวม ณ ไตรมาส 1/68 ยังเหนือระดับ 80% โดยบริษัทใช้ดิจิทัลด้านการตลาดเพื่อดึงลูกค้าจากอินเดีย, ตะวันออกกลาง และยุโรปทดแทนได้ ซึ่งยังคงดำเนินแผนการดังกล่าวนในช่วงไตรมาส 2/68 ทั้งนี้อัตราการเข้าพักในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 70-75%


อย่างไรก็ตามคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมาในช่วงไตรมาส 3/68 เนื่องจากสถิติเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น เหตุการณ์เรือล่มจังหวัดภูเก็ต หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบที่สนามบิน ส่วนใหญ่จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวในช่วงประมาณ 4 เดือนแรก แต่หลังจากนั้นจะเริ่มกลับมา อีกทั้งยอดการจองที่พักในช่วงไตรมาส 3/68 เริ่มเห็นการกลับมาใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งคาดว่าอัตราการเข้าพักในไตรมาส 3 นี้จะกลับมาอยู่ในระดับปกติ


สำหรับผลกระทบระยะสั้น จากแผ่นดินไหวปลายเดือน มี.ค.68 ส่งผลให้ยอดจองโรงแรมลดลงถึง 70% ในช่วง 10 วันแรกหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งคาดว่าส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากนั้นปริมาณการจองเริ่มกลับมาเป็นปกติ โดยส่วนใหญ่โรงแรมยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ต้องปรับปรุง ซึ่งอยู่ภายใต้ประกันดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย จึงไม่กระทบด้านการเงินบริษัท


นอกจากนี้ด้านแผนงานในปีนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายโรงแรม Budget Hotel ในแบรนด์ โรงแรมฮ็อป อินน์ (HOP INN) อย่างต่อเนื่องโดยในช่วงที่เหลือปีนี้บริษัทเตรียมเปิดอีก 5 แห่ง หลังจากปีนี้เปิดไปแล้ว 5 แห่ง เพื่อให้ครบตามเป้าหมายปีนี้ 10 แห่ง


ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 2.00 หลังจากปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 2.30 และ 2.50 แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 2.00 จะมีแนวรับถัดไปที่ 1.70 และ 1.50 ตามโครงสร้างในระยะยาว

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

FACEBOOK :

ท้นหุ้น คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

ทันหุ้นออนไลน์ คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

YOUTUBE : Thunhoon คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok : Thunhoon คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X