> KS Whole in one > TOP

16 มิถุนายน 2025 เวลา 05:45 น.

KASIKORN SECURITIES : TOP หุ้นแกร่งทำกำไร ราคาพื้นฐาน 33.30 บ.

#AURA #TOP #ทันหุ้น - • ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชียเข้าสู่ภาวะปรับฐานหลังจากที่หลายดัชนีปรับตัวขึ้นสูงและรับข่าวดีไปมากแล้ว แม้จะมีปัจจัยบวกจากการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนรอบ 2 ที่ลอนดอนซึ่งบรรลุข้อตกลงกรอบการลดความตึงเครียด โดยจีนจะจัดหา Rare Earths และแม่เหล็กแลกกับการที่สหรัฐ ลดมาตรการควบคุมการส่งออกและอนุญาตให้นักเรียนจีนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน ภายใต้อัตราภาษีที่สหรัฐ เก็บจีนที่ 55% (ภาษีพื้นฐาน 10%, ภาษีชุด Fentanyl 20% และภาษีเดิมจากวาระแรกของทรัมป์ 25%) ขณะที่จีนเก็บสหรัฐ ที่ 10% 


นอกจากนี้ยังมีการเจรจาระหว่างสหรัฐ-เม็กซิโกเพื่อยกเลิกภาษีเหล็กกล้า 50% แลกกับการจำกัดปริมาณส่งออกของเม็กซิโก และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ที่ชะลอตัวมากกว่าคาด แต่ตลาดกลับตอบรับปัจจัยลบมากกว่า โดยเฉพาะความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิสราเอลโจมตีอิหร่านทางอากาศในปฏิบัติการ "Operation Rising Lion" โดยมุ่งเป้าที่โครงการนิวเคลียร์ เป้าหมายทางทหาร และที่พักเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่าน อิสราเอลระบุว่าเป็นการ "ชิงลงมือก่อน" เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์ โดยอ้างข้อมูลข่าวกรองที่ระบุว่าอิหร่านมีวัสดุเพียงพอสร้างระเบิดนิวเคลียร์ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน การโจมตีเกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน หลังอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใกล้ระดับผลิตอาวุธนิวเคลียร์และถูก IAEA ประกาศไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ประกาศแผนส่งจดหมายไปยังคู่ค้าต่างๆ ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบฝ่ายเดียว ก่อนที่จะถึงกำหนดวันที่ 9 กรกฎาคมซึ่งจะกลับมาเก็บภาษีในอัตราที่สูงกับหลายสิบประเทศ โดยมีข้อยกเว้นให้กับสหราชอาณาจักรที่ได้รับข้อตกลง และจีนที่ยังอยู่ในช่วงผ่อนผันภาษีชั่วคราว


• สัปดาห์นี้ เรายังคงมุมมองเดิมว่าตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงตลาดอื่นทั่วโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงปรับฐาน จากการที่ Valuation ยังอยู่ในจุดที่ตึงตัว ปัจจัยบวกใหม่ที่ลดลงและตลาดเริ่มไม่ตอบสนองเหมือนเคย อีกทั้งปัจจัยสำคัญที่เรามองว่าอาจจะเปลี่ยนให้ภาพของตลาดดูดีขึ้นได้อย่างการปรับประมาณการกำไรนั้นอาจจะมาในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ขนาดของเม็ดเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวพิเศษปรับตัวขึ้นสูงในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม, การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่ตลาดคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.5%


โดยปัจจัยหลักจะอยู่ที่การปรับประมาณการเศรษฐกิจที่คาดว่า GDP จะถูกปรับลดลง ขณะที่อัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ถูกปรับเพิ่มขึ้น อาจนำมาซึ่งความกังวล Stagflation และความเห็นของเจอโรม พาวเวลล์ เกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบายการเงินในช่วงที่นโยบายภาษีนำเข้ายังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจจีนในช่วงต้นสัปดาห์อย่างราคาที่อยู่อาศัย ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งตลาดคาดว่าจะเห็นการชะลอตัวลงของชุดข้อมูลข้างต้นนี้ เราจึงยังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้น และแนะนำกระจายความเสี่ยงผ่าน UGISFX-N ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้โลกคุณภาพดี

• สำหรับตลาดหุ้นไทย KS ประเมิน SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,110-1,145 จุด โดยดัชนี SET ยังคงปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน จากการปรับตัวลงของหุ้นในกลุ่มการเงิน, อสังหาริมทรัพย์, ค้าปลีก,สื่อสาร และท่องเที่ยว ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และปัจจัยการเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศ ในสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือการอนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญสำหรับหุ้นกลุ่มก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน และ SMEs การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง 


หุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ คือ 


AURA ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท จากผลประกอบการที่แสดงแนวโน้มกำไร 2Q/25 เติบโตต่อเนื่องของ AURA จากการซื้อขายทองที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อทองมาเงินไป โดยยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น 5.1 พันล้านบาท หรือ 4.5% QoQ ใน 1Q/25 ประกอบกับการขยายเป็น 508 สาขา คาดว่าปีนี้จะเป็นปีทองต่อเนื่องด้วยเป้าการเติบโต 20-30% จากการขยาย 156 สาขาใหม่และตั้งเป้าสินเชื่อ 7.5 พันล้านบาท โดยคาดการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปถึงปี 2027 และ


TOP ราคาพื้นฐาน 33.30 บาท ซึ่งเป็นโรงกลั่นใหญ่ที่สุดในไทยด้วยกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวันและส่วนแบ่งตลาด 30% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายในระดับมูลค่าต่ำสุดในประวัติศาสตร์ด้วย PBV เพียง 0.4 เท่า ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2009 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2SD อย่างไรก็ตาม คาดว่า GRM จะฟื้นตัวใน 2Q/25 จากการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลขับขี่ของตลาดหลัก การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว รวมถึงปริมาณสต็อกก๊าซโซลีนและดีเซลที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ส่งผลให้ Singapore GRM ปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณ 5.x ดอลลาร์ต่อบาร์เรลใน 2Q/25 จาก 3.16 ดอลลาร์ใน 1Q/25 


ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นไทย พร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน Thai ESGX ยังสามารถลงทุนได้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. นี้ โดยหากเป็นเงินลงทุนก้อนใหม่ เราแนะนำ K-HDThaiESGX-68 ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นยั่งยืนที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และ K-70ThaiESGX-68 ที่มีนโยบายคล้ายกับกองแรกแต่มีการผสมตราสารหนี้เข้าไป30% โดยทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง และสำหรับผู้ลงทุนที่จะโอนย้ายเงินลงทุนจาก LTF มา Thai ESGX เราแนะนำกองทุน K-HDThaiESGX-L และ K-70ThaiESGX-L โดยมีนโยบายการลงทุนไม่ต่างจากที่กล่าวมาข้างต้น

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

FACEBOOK :

ท้นหุ้น คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

ทันหุ้นออนไลน์ คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

YOUTUBE : Thunhoon คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok : Thunhoon คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X