> SET > GUNKUL

29 พฤษภาคม 2025 เวลา 14:23 น.

2 โบรกฯ อัพเดท "GUNKUL" พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน

#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า สแกนหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL สรุปสาระสำคัญจากงาน Opportunity Day มีมุมมองเป็นกลาง บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้ในปี 2568 ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท (เติบโตราว 10-15% YoY) โดยได้แรงหนุนจากรายได้ของธุรกิจ EPC และ Trading ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามปริมาณการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศและการลงทุนในระบบสายส่งไฟฟ้าของภาครัฐ รวมถึงรายได้จากธุรกิจ Solar Rooftop ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง


สำหรับธุรกิจ Trading บริษัทฯ ได้มีการวางเป้าหมายรายได้ในปี 2025 ที่ระดับ 2,600 ล้านบาท เติบโตราว 11% YoY (สูงกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยที่ระดับ 2,000 ล้านบาท) หลังได้แรงหนุนจากปริมาณการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศที่มากขึ้น รวมถึงการออกสินค้าใหม่ (กลุ่มที่รองรับกระแสไฟฟ้า 115kV)  


ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 5.2GW และมีกำหนด SCOD ในปี 2026 ทั้ง 3 โครงการ (ขนาดรวม 176.6MW) ได้เริ่มมีการจัดการพื่ยที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างแล้ว (เป็นไปตามกำหนดการที่บริษัทฯ ประเมินไว้) 


ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (ทั้งแสงอาทิตย์และลม) ที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 2.1GW จำนวน 7 โครงการ (ขนาดรวม 319MW) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอ สนพ. ทบทวน อัตราการรับซื้อไฟฟ้าอีกครั้ง โดยคาดมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2H68 (บริษัทฯ คาดการปรับราคาซื้อขายไฟฟ้าหลังการคัดเลือกมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่มาก) 


สำหรับประเด็นการปรับค่าไฟฟ้าของโครงการในเวียดนามลง บริษัทฯ ได้มีการเข้าไปเจรจากับ EVN แล้ว และมองว่าการปรับลดค่าไฟฟ้าตามแนวทางของ EVN เป็นสิ่งที่มีโอกาส เกิดขึ้นได้ยาก เพราะการปรับค่าไฟตามแนวทางดังกล่าวอาจส่งผลต่อความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติในอนาคต (ในทางบัญชีจะยังไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากจะยังมีการบันทึกรายได้ตามอัตราค่าไฟเดิมไปก่อน แต่จะบันทึกส่วนต่างของรายได้และเงินสดที่ได้รับลงในรายการลูกหนี้การค้า) ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการปรับลดค่าไฟลงเป็น 0.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หน่วย จริง บริษัทฯ คาดจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ ลดลงราว 3-5% (ราว 300-500 ล้านบาท)  


บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม คาดมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง Q2-Q3/68 

 

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ Q2/68 ที่ระดับ 350-370 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในไทยและคาดลดลง YoY จากฐานที่สูงในปีก่อนตามความสามารถในการทำกำไรของโครงการแบบ Adder ที่ลดลงตามการปรับลดค่า Ft 


คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 3.00 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 29% YTD ได้สะท้อนความเสี่ยงจากโอกาสในการปรับลดค่าไฟของโครงการที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 2.1GW และโครงการในเวียดนามไปบางส่วนแล้ว โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 2568 ที่เพียง 8.5 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว



ด้าน บล.ดาโอ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 5.00 บาท  GUNKUL อิง SOTP (ในส่วนของโครงการพลังงานทดแทน ประเมินมูลค่า 3.50 บาท เฉพาะโครงการที่ COD แล้วประเมินมูลค่า 1.50 บาท)  โดยมีมุมมองเป็นกลางจากงาน SET Opportunity Day หลังธุรกิจมีพัฒนาการตามแผน 


โดยสรุปประเด็น ดังนี้ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนคงเป้ากำลังการผลิต 2.0GWe ภายในปี 2570E จากปัจจุบันที่ราว 1.5GWe และยังคงกำหนด COD โครงการ solar 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 177MW ในปี 2569E 2) ประเด็นการไฟฟ้าเวียดนามปรับลดค่าไฟคาดทำได้ยาก ประเมินได้ผลรับเชิงบวกหลังรัฐบาลไทยและหน่วยงานเวียดนามช่วยเจรจา ในขณะที่หากการปรับลดเกิดขึ้นจริงกระทบกำไรน้อย <5% 


3) EPC backlog สิ้น Q1/68 อยู่ที่ราว 3.7 พันล้านบาท (เทียบค่าเฉลี่ย backlog 3 ปีย้อนหลัง 3-4 พันล้านบาท และรายได้ต่อปีของ EPC ราว 3.3 พันล้านบาท) ในขณะที่ประเมินภาพรวมตลาดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6.6 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า 4) คงเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปีในกรอบ 10-15% CAGR2567-70E เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568E ที่ 1.8 พันล้านบาท (+7% YoY) คาดช่วงที่เหลือของปีผลประกอบการยังคงทำได้ดีโดยเฉพาะในช่วง 2H68E จากแนวโน้มการรับรู้งาน EPC มากขึ้นและปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้าพลังงานลมช่วยหนุน 


ราคาหุ้น underperform SET ราว -4% ในช่วง 1 เดือน นอกจากประเด็นการแทรกแซงค่าไฟ ล่าสุดมีเรื่องการปรับลดค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้าเวียดนามเข้ามาเป็น negative sentiment อย่างไรก็ตามการแทรกแซงค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่การปรับค่าไฟฟ้าของเวียดนามแม้เกิดขึ้นจริง แต่กระทบผลประกอบการน้อย ราคาที่ลงมาคาด price in ความกังวลของตลาดไปพอสมควร 


ในขณะที่ outlook ยังดี  ทั้งโอกาสในการได้งาน EPC โรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหลังโครงการพลังงานทดแทน 5.2GW จะเริ่มทยอย COD ในปี 2567 เป็นต้นไป และผลประกอบการกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้นจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการพลังงานทดแทนใหม่ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2569E ถึง 2573E หนุนกำลังการผลิตจากปี 2567 ที่ 0.6GW สู่ระดับ 1.5GW คาดว่าหุ้นจะกลับมา outperform ได้ (คาดได้เห็นการเติบโตราว 10% YoY ในปี 2570E ในขณะที่การเติบโตจะเด่นขึ้นในปี 2572E จากกำลังการผลิตที่เข้ามามากขึ้น


รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X