เคาะ KKP

#ทันหุ้น - KKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/25 อยู่ที่ 1,062 ล้านบาท ลดลง 29.5% YoY และ 24.5% QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงแรงถึง 30.3% QoQ โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก NIM ที่ปรับดีขึ้นและสินเชื่อเติบโต 4.0% QoQ โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ ด้านคุณภาพสินเชื่อ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จาก SME และสินเชื่อเช่าซื้อ แม้จะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 13.1% QoQ ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ Cost to Income Ratio ลดลงเหลือ 59% จาก 61% ในไตรมาสก่อน

KKP อยู่ระหว่างปรับคุณภาพพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อโดยเน้นคุมการปล่อยสินเชื่อรายย่อยผ่านเกณฑ์เครดิตที่เข้มงวดมากขึ้น โดยแม้สินเชื่อ SME ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจแต่ยังควบคุมได้ ขณะที่ฝั่งต้นทุนการเงินเริ่มมีแนวโน้มลดลงจากโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำใหม่และการจัดการต้นทุน CASA ที่ดีขึ้น เพื่อช่วยลดผลกระทบจาก Loan yield ที่ปรับลดลงได้บ้าง ส่วนใน 2Q25F คาดว่ากำไรยังได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากการลงทุนในตราสารหนี้ แม้ธุรกิจอื่นอย่าง Wealth Trading ยังเติบโตดีแต่ยังไม่เพียงพอทดแทน ทั้งนี้ หากสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากและคุณภาพพอร์ตได้ต่อเนื่อง จะช่วยรองรับผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ยังชะลอได้ในระยะถัดไป ส่วนด้านการตั้งสำรองคาดว่าจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากได้ปรับชั้นลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงไปบ้างแล้ว รวบกับผลขาดทุนรถยึดที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ในเชิง sentiment รับปัจจัยบวกจากข่าวการปรับเกณฑ์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ทำให้แนวโน้มการลดลงของการตั้งค่าใช้จ่ายด้านเครดิตลดลง และคุณภาพลูกหนี้ที่ดีขึ้น เข้ามาช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับลดลง โดยเบื้องต้น คาดว่า KKP จะมีสัดส่วาkนสินเชื่อที่ตรงเงื่อนในมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” ราว 70%

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค ระยะสั้นปรับตัวลงสร้างฐานราคาหรือแนวรับหลัก 45.75 และมีแรงซื้อกลับขึ้นยืนเหนือSMA5วันและ13วันได้อย่างมีนัยสำคัญด้วยกลุ่มแท่งเทียนสีขาวยาวที่ทำLower Up แนวรับสำคัญเน้นยืนSMA 47.50-47 เป็นจุดพิจารณาเล่นรอบ Gapแนวต้านจุดทดสอบ 48.75 แนวต้านหลักจิตวิทยา 50

คำแนะนำ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือหรือซื้อเพิ่ม มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 48.75/50

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 47.50-47/45.75ไม่ควรต่ำกว่า