#หุ้นวัสดุก่อสร้าง #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
แนวโน้มอุปสงค์ปี 2568 อ่อนแอ
คาดว่าอุปสงค์ต่อวัสดุก่อสร้างจะยังคงอ่อนแอในปี 2568 เนื่องจากการชะลอตัวของ GDP และการบริโภคภาคเอกชน
คาดว่ากำไรในไตรมาส 1/68 จะลดลง YoY ยกเว้น TASCO ที่มาจากฐานที่ต่ำ แต่จะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากอุปสงค์ตามฤดูกาล
ปรับลดมุมมองต่อกลุ่มจาก "เชิงบวก" เป็น "เป็นกลาง" เนื่องจากคาดว่าจะมีแรงกดดันจากภาคเอกชน โดยบล.กสิกรไทยเลือก TASCO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจนี้
.
คาดว่าอุปสงค์ต่อวัสดุก่อสร้างจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่องในปี 2568 เนื่องจาก 1) การเติบโตของ GDP มีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ 2) การบริโภคสินค้าคงทนที่ยังซบเซา และ 3) ภาวะอุปทานล้นตลาดในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม กิจกรรมก่อสร้างภาครัฐมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
.
คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างอาจยังอยู่ในระดับสูงและมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในช่วงปี 2568-2570 จากแนวโน้มราคาพลังงานที่ลดลง เนื่องจากพลังงานมีสัดส่วนต้นทุนการขาย (COGS) ราว 35-90% คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะลดลงสู่ระดับเฉลี่ย 67 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปีนี้ ลดลง 16% จากปีก่อน จากภาวะอุปทานล้นตลาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากน้ำมันปรับลดลงตามไปด้วย
.
ประมาณการกำไรไตรมาส 1/2568 คาดว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจะมีกำไรรวมประมาณ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน (QoQ) การเติบโต YoY ส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของกำไร TASCO หลังจากงบประมาณภาครัฐล่าช้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อย่างไรก็ตาม หากไม่รวม TASCO คาดว่ากำไรของกลุ่มจะลดลง 17% YoY จากอุปสงค์ภาคเอกชนที่ซบเซา
.
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568/69 ลง 14% และ 11% ตามลำดับ โดยปรับลดลงเหลือ 8 พันล้านบาท และ 8.6 พันล้านบาท สะท้อนยอดขายในประเทศที่อ่อนแอและราคาขายที่ลดลง แม้ว่าต้นทุนพลังงานที่ลดลงจะช่วยประคองอัตรากำไรขั้นต้น แต่ไม่สามารถชดเชยยอดขายที่ลดลงได้ทั้งหมด การปรับลดประมาณการมากที่สุดเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิก เช่น DCC และ SCGD ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคก่อสร้างเอกชน และอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดที่อยู่อาศัย
.
บล.กสิกรไทยปรับลดมุมมองต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้างจาก “เชิงบวก” เป็น “เป็นกลาง” โดยยังคงเลือก TASCO เป็นหุ้นเด่นเนื่องจากคาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งน่าจะสนับสนุนกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ในด้านการประเมินมูลค่า ได้มีการปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.กสิกรไทยลง 16-39% เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรที่ลดลงและมูลค่าประเมินที่ลดลง โดยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SCGD, TASCO และ TOA และคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ DCC, EPG และ SCC
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม