นางสาวลสา โสภณพนิช ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI บริษัทลูกของ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทในปี 2568 นี้ จะเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น จากญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของประกันภัยที่เข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
บริษัทเล็งเห็นถึง สภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้คนมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงมากขึ้น ซึ่งโรคเหล่านี้มักมาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลที่สูงและระยะเวลาการรักษาที่ยาวนาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว BKI จึงพัฒนาแผนประกันภัยโรคร้ายแรง ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมโรคสำคัญ อาทิ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคไตวายเรื้อรัง โรคสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส และโรคเบาหวาน
โดยให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 1 แสนบาท จนถึง 1 ล้านบาท เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงดังกล่าวเป็นครั้งแรก พร้อมเงินชดเชยรายวันเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องหยุดพักรักษาตัว ซึ่งแผนประกันภัยนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มความอุ่นใจแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,600 บาทต่อปี
*แถมคุ้มครองสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายตลาดประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ที่เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) กับแผนประกันภัยการเดินทาง Travel Delight Plus ให้ความคุ้มครองสำหรับผู้เดินทางที่มีสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) เพื่อรองรับเทรนด์ Pet Humanization ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงและร่วมเดินทางด้วยกันมากขึ้น
ซึ่งจะครอบคลุมกรณีการได้รับบาดเจ็บของสัตว์เลี้ยง ขณะร่วมเดินทางในต่างประเทศไปกับผู้เอาประกันภัย โดยมีวงเงินคุ้มครอง 10,000 บาทต่อตัวต่อครั้ง เเละในกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาทต่อตัวต่อครั้ง นอกจากนี้ ยังให้ความคุ้มครองกรณีฝากสัตว์เลี้ยงไว้ที่โรงแรมสัตว์เลี้ยงหรือศูนย์รับฝากเลี้ยง หากเกิดเหตุเที่ยวบินล่าช้าจนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการฝากเลี้ยงที่ไทย
อีกหนึงตลาดที่ บริษัทจะขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นคือ ประกันภัยบ้านหรู 20-50ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง โดยบริษัทเตรียมพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีมูลค่า 20-50 ล้านบาท สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการความคุ้มครองแบบครบครัน โดยจะเพิ่มความคุ้มครองทรัพย์สินมีค่า ความสูญเสียหรือเสียหายของ Solar Rooftop และอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะ ซึ่งให้ความคุ้มครองการกู้ข้อมูลที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล พร้อมบริการเสริม Nursing at Home ดูแลช่วงพักฟื้นโดยบุคลากรทางการแพทย์ซี่งจะมาดูแลลูกค้าถึงบ้าน
*ประกันประเภท 2+ขายดี
และสุดท้ายสำหรับประกันรถยนต์ BKI ต่อยอดความนิยมกับประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ขยายอายุรถถึง 25 ปี ซึ่งปัจจุบันประกันภัยรถยนต์ 2+ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความคุ้มครองที่ตรงใจในราคาที่คุ้มค่า โดยหลังจากแผนประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special ของ BKIเปิดตัวในปี 2566 ล่าสุดมียอดขายเติบโตขึ้นถึง 3 เท่า และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในปี 2568 บริษัท จะขยายเงื่อนไขการรับประกันภัยให้ครอบคลุมรถยนต์ที่มีอายุรถสูงสุด 25 ปี นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับปรุงแผนประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ ให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจ ตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหาทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
นางสาวลสา กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัยแบบพิเศษครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับวัสดุก่อสร้างแบบ Green ซึ่งมีราคาสูงกว่าวัสดุปกติราว 30-40% รวมถึงค่าติดตั้งที่แพงกว่าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซ่อมแซมบ้านด้วยวัสดุรักษ์โลก เป็นต้น รวมถึงมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตน์ของลูกค้าที่ต่างกัน
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม