#PTTGC #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาปรับขึ้น 5.13% เมย์แบงก์ฯ ชี้มูลค่าหุ้นถูก เป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัดดาวน์ไซด์ เพราะมองว่าผลดำเนินงานปีนี้ยังอ่อนแอ พร้อมหั่นราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 16 บาท จากเดิมที่ 23 บาท คงคำแนะนำถือ

ราคาหุ้น PTTGC เช้านี้อยู่ที่ 16.40 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 5.13% ระหว่างวันราคาได้ปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 16.70 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 307.70 ล้านบาท 

บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้น PTTGC โดยแนะนำถือ แต่ได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 16 บาท จากเดิมที่ 23 บาท เนื่องจากแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2568 ยังคงอ่อนแอจาก spread ที่ต่ำและต้นทุนการซ่อมบำรุงที่สูง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มเติม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตามมูลค่าหุ้นที่ถูก โดยซื้อขายเพียง P/BV 0.3 เท่าถือเป็นปัจจัยหลักที่ข่วยจำกัดดาวน์ไซด์เพิ่มเติม 

ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ มองว่าแนวโน้มการดำเนินงานของ PTTGC ยังคงอ่อนแอ โดยคาดว่าส่วนต่างราคาปิโตรเคมี (สเปรด) จะลดลง YoY เนื่องจากอุปทานที่ล้นตลาดและอุปสงค์ที่เติบโตชะลอตัว ฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับลดสมมติฐาน HDPE-naphtha spread เป็น 350/375/400 USD ในปี 2568-70 จากเดิม  400-425 USD นอกจากนี้ หลายหน่วยผลิตจะมีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้กำไรอยู่ในระดับต่ำมากในปี 2568

ส่วนซัพพลายอีเทนใหม่จากสหรัฐฯ (400,000 ตันต่อปี เริ่มในปี 2572) จะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนอีเทนของ PTTGC ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ได้รับยังค่อนข้างน้อย (ต่ำกว่า 10% ของอุปทานวัตถุดิบโอเลฟินทั้งหมดของบริษัท) และต้นทุนที่ได้เปรียบจากซัพพลายใหม่มีเพียง 50 USD/ตัน ตามประมาณการของฝ่ายวิจัย แม้ว่าราคาซื้อขายอีเทนในสหรัฐฯ จะต่ำในปัจจุบัน แต่มีความเสี่ยงว่าราคาจะปรับขึ้นหากการส่งออกเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตในเอเชียนำเข้าอีเทนต้นทุนต่ำเพิ่มขึ้น อาจกดดันราคาสินค้ากลุ่มเอทิลีนและอนุพันธ์ของเอทิลีนในตลาดเอเชีย ขณะเดียวกัน การที่สหรัฐฯ ส่งออกอีเทนได้มากขึ้น อาจทำให้ PTTGC สูญเสียความได้เปรียบด้านต้นทุน เนื่องจากในอดีตมีผู้เล่นเพียงไม่กี่รายในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าถึงซัพพลายอีเทนจากสหรัฐฯ แต่ปัจจุบัน ผู้ผลิตจากจีนและอินเดียหลายรายเริ่มนำเข้าอีเทน และมีแนวโน้มที่จำนวนจะเพิ่มขึ้นในอนาคต  

ขณะที่ความเสี่ยงหลักอีกประการหนึ่งคือ การบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์เพิ่มเติม PTTGC เคยบันทึก impairment ไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปีที่ผ่านมา จากการด้อยค่าของบริษัทร่วมทุน PTT-Asahi และบริษัทย่อย Vencorex คาดว่า Allnex (บริษัทย่อยอีกแห่ง) ซึ่งยังมีผลประกอบการที่อ่อนแอ อาจนำไปสู่การบันทึกด้อยค่าของความนิยม (goodwill) ซึ่งมีมูลค่า 7.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด impairment จาก HMC Polymers ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่มีมูลค่าทางบัญชี 8.1 พันล้านบาท

ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์

https://www.facebook.com/thunhoonnews