#OSP #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นของ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP วันที่ 27 ก.พ. เมื่อเวลา 14.46 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ 13.90 บาท ลดลง 0.60 บาท (-4.14%) มูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท โบรกเกอร์ออกบทวิเคราะห์ในวันที่ 27 ก.พ.มีการปรับคำแนะนำทั้งปรับขึ้นและปรับลดลง ขณะที่ราคาเหมาะสมของหุ้นถูกปรับลดลง และบางรายคงคำแนะนำและคงราคาเหมาะสมตามเดิม
.
บล.ดาโอระบุว่า กำไรไตรมาส 4/67 โตชะลอ YoY ตามคาด, ปี 2568 ค่อนข้างท้าทาย
บล.ดาโอคงคำแนะนำ "ถือ" แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 15.50 บาท อิง PER 16x (เดิม 19.30 บาท อิง PER 20x) เรา derate PER ลงเพื่อสะท้อนการเติบโตของกำไรที่ชะลอและตลาดแข่งขันสูง OSP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ที่ 567 ล้านบาท (+31%YoY) และฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/67 ที่ -343 ล้านบาท ด้านกำไรปกติไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 615 ล้านบาท (+4% YoY, -9%QoQ) โดยมีรายการพิเศษที่ -48 ล้านบาทจาก Shark AG และ Osotspa Europe Limited ด้านกำไรปกติขยายตัว YoY จาก 1) รายได้ปรับตัวลดลง 2% YoY,2) GPM ขยายตัวเป็น 38.5% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปี จากสัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ high margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น, ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง กำไรปกติลดลง QoQ จาก SG&A expenses ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างด้านการลงทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ทั้งนี้ OSP ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.30 บาท ขึ้น XD 8 พ.ค.68
บล.ดาโอคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 2,888 ล้านบาท (+76% YoY) และกำไรปกติ -5% YoY
ราคาหุ้นปรับตัวลง -21% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากกำไรไตรมาส 4/67 ที่ชะลอตัว เราแนะนำ "ถือ" เพื่อรอการฟื้นตัวของ market share ที่ชัดเจนหลังปรับกลยุทธ์ใหม่
.
บล.บัวหลวงระบุว่ากำไรไตรมาส 4/67 เป็นไปตามคาด แนวโน้มคาดกำไรหลักไตรมาส 1/68 จะทรงตัว YoY แต่ปรับตัวดีขึ้น QoQ (ปัจจัยฤดูกาล)
บล.บัวหลวงมีการปรับประมาณการปี 2568 เนื่องจากเราปรับลดคำแนะนำ OSP จากถือเป็นขาย (เราปรับลดราคาเป้าหมายจาก 24.00 บาทเหลือ 16.00 บาท) เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2568 ราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลง 19% จากการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เราจึงเปลี่ยนคำแนะนำเป็น ถือ (จากขาย) โดยยังคงราคาเป้าหมายดังเดิมที่ 16.00 บาท เราชอบ CBG มากกว่า OSP
.
บล.ทิสโก้เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” จากราคาหุ้นปัจจุบันปรับลงมา 30% ในช่วงเวลา 1 เดือน ต่ำกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐาน จากความกังวลของตลาด เรื่องกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทในการออก M-150 -ขวด 10 บาท และจะทำให้กินส่วนแบ่งการตลาดของ M-150 ราคา 12 บาทเอง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ากลุ่มผู้บริโภคเครื่องดื่มพลังงานค่อนข้างอ่อนไหวกับราคาขาย เรามองเป็นโอกาสดีที่จะดึงส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้น จากบริษัทเน้นขวด 10 บาท จำหน่ายช่องทาง traditional trade ซึ่งเป็นตลาดที่มีกลุ่มผู้บริโภเครื่องดื่มพลังงานที่ใหญ่กว่า และเราคาดว่ามีผลกระทบเล็กน้อยในการกินส่วนแบ่งการตลาดของ M-150 เอง ที่ราคา 12 บาท ที่เน้นจำหน่ายทาง modern trade
แนวโน้มผลประกอบการมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์เครื่องดื่ม 10 บาท
บริษัทวางเป้าหมายกลยุทธ์ดึงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มพลังงานเพิ่มขึ้น 5% จากการออก M-150 ฝาสีเหลืองสูตรต้นตำหรับเดิม 10 บาท เจาะกลุ่มตลาด traditional trade ที่จะเริ่มขายในเดือน ก.พ.2568 เราคาดว่าจะเห็นผลได้ในอีก 2-3 เดือน หลังจาก distributor เริ่มกระจายสินค้าครอบคลุมพื้นที่ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภคเครื่องดื่มพลังงานค่อนข้างอ่อนไหวกับราคา
บล.ทิสโก้ยังคงประมาณการเดิมรอความชัดเจนส่วนแบ่งการตลาดที่คาดจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 2/68 โดยคาดปี 2568-69 กำไรหลักอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท (-7%YoY) และ 3,007 ล้านบาท (+6%YoY) จากคาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6% จากส่วนแบ่งการตลาดที่คาดค่อยๆเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดราคาปลีก 10 บาทในกลุ่ม traditional trade และคาดกลุ่ม functional drink เพิ่มขึ้น คาดรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นปีละ 8% YoY จากฐานค่อนข้างสูงในปี 2567 ที่คาดเพิ่มขึ้น 25% (สัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 21% ของรายได้รวม) โดยเฉพาะเมียนมาเป็นหลัก ในขณะที่เวียดนามมีการนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มพลังงานกระป๋อง M150 และอินโดนีเซียยังเติบโตต่อเนื่อง (สัดส่วน 10% ของการส่งออก) คาดกลุ่ม Personal Care เพิ่มขึ้นปีละ 8% และธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) Supply Chain คาดลดลงจากการใช้ฐานรายได้ในไตรมาส 4/67 จากการปิดโรงงานขวดแก้วบางส่วนและเน้นใช้สินค้าตนเองเพิ่มขึ้น
คาดอัตรามาร์จิ้นทรงตัวอยู่ที่ปีละ 37.5% จากคาดราคา 10 บาท ที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่า 12 บาท แต่ชดเชยกับต้นทุนแพคเกจจิ้งและ commodities ที่ปรับตัวลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26.5% จากการทำการตลาดและโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ปีละ 10% จากปี 2567 คาดที่ 6%
บล.ทิสโก้เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21.50 บาท
จากการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่เน้นขยายตลาด Traditional trade เพื่อดึงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21.5 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ OSP อยู่ที่ 23X จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและธุรกิจ Personal Care มีการแข่งขันสูง ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER2568 อยู่ที่ 15.4X Dividend Yield 2568 อยู่ที่ 6.5% โอกาส : การขยายตลาดส่งออก ความเสี่ยง : ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด, ต้นทุน commodities ที่สูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัว
.
บล.กรุงศรีระบุว่าไตรมาส 4/67 กำไรหลักตามคาด
บล.กรุงศรีอัพเกรด OSP เป็น BUY เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง 33% ในเดือนที่ผ่านมา แต่ ราคาเหมาะสมยังอยู่ที่ 16.50 บาท กำไรหลักไตรมาส 4/67 ตามคาด (แม้ว่ากำไรสุทธิจะต่ำกว่าประมาณการของ Bloomberg ถึง 12% ก็ตาม) เรากำลังติดตามการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและผลกำไรของ OSP ขณะนี้ชื่อขายโดยมีส่วนลดลึกหรือ -2SD ของ ตัวคูณเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มที่ท้าทายได้อยู่ในราคาไว้แล้ว
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม