#CPF #ทันหุ้น-บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 2567 มีกำไร 19,558.13 ล้านบาท เทียบกับปี 2566 ที่ขาดทุน 5,207.35 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลง เนื่องจากการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์และการจัดหาวัตถุดิบที่ดีขึ้น, ระดับราคาสุกรในหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนามมีการปรับตัวดีขึ้นจากระดับที่ต่ำ จากภาวะสุกรล้นตลาดในปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากมีความสมดุลของปริมาณสุกรในตลาด และความต้องการบริโภคดีขึ้น รวมถึงภาวะโรคระบาดในสุกรที่เกิดขึ้นในบางประเทศในช่วงปลายปี 2567 ทำให้ปริมาณสุกรในตลาดลดลง
นอกจากนี้ส่วนได้ในกําไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าจํานวน 12,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177% โดยหลักมาจากผลการดําเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน ที่ดําเนินธุรกิจอาหารสัตว์และสุกร บริษัท ซีพี ออล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทร่วมในประเทศแคนาดา ที่มีผลดำเนินงานดีขึ้น
คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยบริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกเป็นเงินระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.45 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งแรกจำนวน 3,709 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2567
ดังนั้นคณะกรรมการจึงขอเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งที่สองจำนวนประมาณ 4,534 ล้านบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค. 2568 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 9 พ.ค. และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ค.2568
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยผลการดำเนินงาน ของซีพีเอฟและบริษัทย่อย ในปี 2567 ว่า บริษัทมียอดขาย 580,747 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 19,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476% จากภาวะขาดทุนในปี 2566
สำหรับสัดส่วนรายได้หลักปี 2567 มาจากกิจการต่างประเทศ 63% จากการลงทุนใน 13 ประเทศ สัดส่วนรายได้จากกิจการประเทศไทย 31% และสัดส่วนรายได้จากกิจการส่งออก 6% จากการทำการค้าผลิตภัณฑ์อาหารไปมากกว่า 50 ทั่วโลก
ทั้งนี้หากแยกสัดส่วนรายได้ตามประเภทธุรกิจหลัก แบ่งเป็น ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) คิดเป็นสัดส่วน 23% ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ คิดเป็น 55% และธุรกิจอาหาร คิดเป็น 22%
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการในปี 2567 ที่ดีขึ้นเกินเป้าหมายนั้น เป็นผลหลักมาจากกิจการต่างประเทศมีการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ดีอย่างชัดเจน จากการปรับสมดุลย์ของปริมาณผลิตให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ ทำให้อุตสาหกรรมสุกรฟื้นตัวจากภาวะราคาตกต่ำที่เกิดจากสินค้าล้นตลาดในปี 2566 โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่ดีขึ้นเกินเป้าหมายจากภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้นจากผลกระทบโรคระบาด ASF ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ประกอบกับการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์และการจัดหาวัตถุดิบที่ดีขึ้น การจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากปีก่อน เหล่านี้ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากปีก่อน
**มองแนวโน้มปี 68 โตต่อเนื่อง
“แนวโน้มธุรกิจซีพีเอฟในปี 2568 ยังมองว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตจากปีก่อนได้ต่อเนื่อง จากการที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาสินค้าที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภค และมองหาโอกาสการลงทุนที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ตลอดจนส่งเสริมนวัตกรรมความยั่งยืน (Sustainovation) เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่สามารถสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ดั่งสะท้อนจากการที่บริษัทได้รับประเมินความยั่งยืนองค์กรที่ระดับ Top 1% โดย S&P Global หรือเดิมที่เรารู้จักกันในชื่อ DJSI”
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงานทุกด้านอย่างใกล้ชิด อาทิ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ว่าจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศอย่างไร ปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนโรคระบาดสัตว์ที่มีการแพร่กระจายอยู่ในต่างประเทศหลายประเทศ ซึ่งทางบริษัทได้เพิ่มมาตรการดูแลป้องกันผลกระทบอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารในแต่ละประเทศ
คณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลครั้งที่สองจากผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งแรกในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 เมษายน 2568 นี้
ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม