10 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 06:50 น.
- วันจันทร์ : ติดตาม รายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของโซนยุโรป (Investor Confiden Index) จาก Sentix เดือน ก.พ. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -17.7 จุด และติดตามการรายงานสินเชื่อใหม่จีน เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.2 ล้านล้านหยวนเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.60 แสนล้านหยวน
วันอังคาร : ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism Index) ในสหรัฐเดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 104.7 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 105.1 จุด และปิดท้ายด้วยคำแถลงการณ์ของพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐในรายงานนโยบายการเงินครึ่งปีต่อรัฐสภา โดยจะมีการประชุมจากวันอังคารถึงวันพุธ
วันพุธ : ติดตามตัวเลขเงินสหรัฐ (US CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.90% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ Core CPI ตลาดคาดที่ +3.1% YoY ลดลงจาก +3.2% YoY ในเดือนก่อนหน้า ในส่วนของตลาดในประเทศไทยหยุดทำการเนื่องจากเป็นวันมาฆบูชา
วันพฤหัสบดี : ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐ สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ +0.2%MoM ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าและดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐ สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ +0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.0% YoY ในส่วนของสหราชอาณาจักร มีการรายงาน GDP ในไตรมาส 4 ปี 2024 เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 0.9% YoY ปิดท้ายจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.19 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ : ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail Sales) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.0% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM และติดตามการรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาส 4 ปี 2024 ครั้งที่ 2 ของโซนยุโรปตลาดคาดการณ์ที่ +0.9% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย : KS เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 1,233 – 1,280 จุด ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐ รีบาวด์ขึ้นใกล้จุดสูงสุดเดิม บริษัทใน S&P 500 รายงานกำไรไตรมาส 4 ปี 2024 แล้ว 292 ราย 76% กำไรออกมาดีกว่าคาด คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.7% ตลาดหุ้นยุโรปได้ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง BOE ลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 4.5% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะใช้แนวทาง “ค่อยเป็นค่อยไป และระมัดระวัง”ในการลดดอกเบี้ยในอนาคต ส่วนธนาคารกลางอินเดียลดอัตราดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 6.25% ด้านตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลง จากแรงกดดันของหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ DELTA , CPALL, GPSC, GULF ด้านแรงขายกองทุน LTF ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. เริ่มลดลงเหลือวันละประมาณ 500 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกที่เป็นตัวกระตุ้นที่ชัดเจน ด้าน Valuation อยู่ในระดับถูก ซึ่งแนวรับ 1,233 จุดคิด -0.75 SD ส่วน 1,268 จุด จะคิดเป็น -0.5SD จากสถิติย้อนหลัง 20 ปี
ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,233 – 1,280 จุด ตลาดถูกกดดันจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนแรงขาย LTF เริ่มลดลงเหลือวันละ 500 ล้านบาท ด้าน Valuation อยู่ในโซนถูก ดัชนีที่ระดับ 1,268 จุด คิดเป็น -0.5 SD
เราแนะนำเก็งกำไร CPALL จากระดับราคาที่น่าสนใจ โดยค่า Forward P/E ปี 2568 อยู่ที่ 16 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง -2SD และเปิดโอกาสให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ หลังจากที่ราคาหุ้นถูกกดดันจากความกังวลเรื่องภาระการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนหากสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5.6% ตามข่าว นอกจากนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานของ CPAXT ที่ CPALL ถือหุ้น 60% ยังเป็นบวก จากการได้ประโยชน์จาก Synergy ที่เร็วกว่าคาดและการเติบโตในระดับสูงพร้อมการปรับปรุงอัตรากำไรในปี 2568 อีกทั้งเราคาดว่า CPALL จะมียอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4 ปี 2024 เติบโตประมาณ 3.5%และผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าวจะเติบโตได้ตามคาด
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AOT โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2025 จะเติบโตแข็งแกร่งทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวมที่ 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อนและ 16% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อนและ 23% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวไทย 6.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อนและ 7% จากปีก่อน นอกจากนี้ เราแนะนำ AOT จากความสามารถในการรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีในช่วงตลาดขาลง โดยมีค่า Beta ประมาณ 0.8 เท่า รวมถึงธุรกิจสนามบินที่มีความแข็งแกร่งในช่วงเศรษฐกิจผันผวนเช่นในปัจจุบัน
KS Research
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม