หุ้นกลุ่มรับเหมาฯรอโครงการใหม่เร่งเปิดประมูล บล.กสิกรฯแนะหุ้นเด่น CK-SEAFCO

#หุ้นรับเหมาก่อสร้าง #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดย บล.กสิกรไทย

เร่งเปิดประมูลโครงการที่ค้างอยู่

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการ SRT สายสีแดง รังสิต-ธรรมศาสตร์และกระทรวงคมนาคมเตรียมขออนุมัติเงินก่อสร้างโครงการนี้ที่ 3.2 แสนลบ ในเดือนม.ค.68

คาดจะส่งผลให้เกิดบรรยากาศเชิงบวกต่อกลุ่มจากความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ด้วยมูลค่ารวมกว่า 4.84 แสนลบ. ที่เตรียมเปิดประมูล

คงมุมมองบวกต่อกลุ่มจากการเปิดประมูลต่อไป หุ้นเด่นของเราคือ CK และ SEAFCOจากการสร้างยอด backlog ใหม่และกำไรที่เติบโตขึ้นแข็งแกร่ง

Investment Topics

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 1) คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยาย SRT สายสีแดง ระหว่างรังสิต-ธรรมศาสตร์ 2) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเตรียมยื่นขออนุมัติโครงการ SRT สายสีแดงและรถไฟรางคู่ 6โครงการต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนม.ค.2568ด้วยมูลค่าโครงการรวมกว่า 3.2 แสนลบ. และ 3) การถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมขออนุมัติการทบทวนสัญญาโครงการรถไปความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนม.ค.2568

ส่วนต่อขยาย SRT สายสีแดง โครงการส่วนต่อขยาย SRT สายสีแดงจะเปิดให้ประมูลใน 3เส้นทาง ได้แก่ 1) รังสิต-ธรรมศาสตร์ (มูลค่าโครงการ 6.5 พันลบ.) 2) ตลิ่งชัน-ศาลายา-ศิริราช (1.5 หมื่นลบ.) และ 3) หัวหมากและบางซื่อ-หัวลำโพง (4.5 หมื่นลบ.) เมื่อวันที่ 8 ม.ค.คณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อสร้างเส้นทางรังสิต-ธรรมศาสตร์ ขณะที่ SRT เตรียมขออนุมัติการก่อสร้างเส้นทางที่เหลือต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปโดยคาดจะเกิดขึ้นในเดือนม.ค.2568 เช่นกัน ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมการก่อสร้างโครงการ SRT สายสีแดง สายสีแดงเข้มและสีแดงอ่อนในปัจจุบัน ได้แก่ 1) UNIQ (ไม่ได้วิเคราะห์) 2) STECON ("ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท) และ 3) ITD (ไม่ได้วิเคราะห์) ดังนั้น เราจึงคาดว่าผู้รับเหมาทั้งหมดดังกล่าวมีศักยภาพที่จะชนะประมูลโครงการส่วนต่อขยาย SRT สายสีแดง

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน รฟท. เตรียมขออนุมัติการทบทวนสัญญาก่อสร้างโครงการถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนม.ค.2568 และคาดจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/2568เราคาดว่าโครงการนี้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเลื่อนก่อสร้างออกไปเนื่องจาก 2 ปัญหาหลักได้รับการแก้ไขแล้ว ปัญหาแรกคือเรื่องการเวนคืนที่ดินและส่งมอบพื้นที่ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญากับภาคเอกชนแล้วเมื่อเดือนมิ.ย.2567 ปัญหาที่ 2คือภาคเอกชนร้องขอให้มีการทบทวนสัญญาการปรับเงื่อนไขการชำระเงินเนื่องจากระดับการจราจรไม่สัมพันธ์กับเงื่อนไขการประมูลหลังสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมอนุมัติการทบทวนเงื่อนไขสัญญาในเดือน ต.ค.2567

แนวโน้มการเติบโต เรามีมุมมองบวกต่อความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานเนื่องจากกระทรวงคมนาคมเตรียมขออนุมัติโครงการส่วนต่อขยาย SRT สายสีแดงเส้นทางอื่น ๆ และโครงการรถไฟรางคู่ เฟส 2 มูลค่ารวม 3.2 แสนลบ. ในปี 2568 เทียบกับมูลค่าโครงการที่ตั้งไว้ในงบประมาณทางการคลังประจำปี 2568 รวม 4.56 แสนลบ. เราคาดว่าบรรยากาศลงทุนในกลุ่มก่อสร้างจะน่าดึงดูดมากขึ้นจากจำนวนโครงการที่รอเปิดประมูลจำนวนมากหลังไม่มีการเปิดประมูลโครงการเมกาโปรเจ็กต์ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19

Valuation and Recommendation

มุมมองบวก เราคงมุมมองบวกต่อกลุ่มจากการทยอยเปิดประมูลโครงการเมกาโปรเจ็กต์งบประมาณของกระทรวงคมนาคมที่เพิ่มขึ้นและคาดจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CK และ SEAFCO ในปี 2568 จะเติบโตขึ้น YoY หนุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและการเร่งการรับรู้รายได้จากโครงการเมกาโปรเจ็กต์อื่น ๆ

นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิของ STECON ในปี 2568 จะฟื้นตัวขึ้นจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในปี 2567 หนุนจากยอด backlog ใหม่ในไตรมาส 4/2567 และผลขาดทุนที่คาดลดลงจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง

หุ้นเด่นของเรา ได้แก่ CK ("ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 27.3 บาท) และ SEAFCO ("ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 2.85 บาท) เราชอบ CK จากยอด backlog ที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.13 แสนลบ. ซึ่งสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง เราชอบ SEAFCO ในกลุ่มผู้รับเหมาเสาเข็มเจาะจากกำไรที่คาดจะฟื้นตัวขึ้นมากในปี 2568 จากการเริ่มก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและโครงการเมกาโปรเจ็กต์อื่น ๆ ของรัฐบาล

Downside risks ได้แก่ การเลื่อนเปิดประมูลโครงการของภาครัฐ การลงทุนของภาคเอกชนที่น้อยลง การขึ้นค่าแรงที่เร็วกว่าคาดและสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง