หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนวโน้มปี 2568-เข้าสู่จุดสูงสุด

#หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.บัวหลวง

แนวโน้มปี 2568-เข้าสู่จุดสูงสุด

แม้ว่าอุปสงค์การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) จะยังคงแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินอุตสาหกรรมคาดว่าจะทรงตัว YoY ในปี 2568 (ต้นทุนการพัฒนาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น) ดังนั้น บล.บัวหลวงจึงปรับคำแนะนำกลุ่มนิคมฯ จาก "มากกว่าตลาด" เป็น "เท่ากับตลาด" โดยเราชอบ WHA มากที่สุดในกลุ่มฯ อิงจากการมีตำแหน่งในตลาดที่แข็งแกร่งในการดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

ความขัดแย้งทางการค้าจีน-สหรัฐฯ หนุน FDI

อุปสงค์ FDI ในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน FDI มุ่งสู่ประเทศไทยเนื่องจากแรงจูงใจจากรัฐบาลที่แข่งขันได้, โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย, เครือข่ายซัพพลายเชนที่มีอยู่, และแรงงานที่มีทักษะ ผู้ผลิตจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์, สินค้าอุปโภคบริโภค, และอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญ การลงทุนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรม ประเทศกำลังได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของเครือข่ายซัพพลายเซนทั่วโลก

ดาต้าเซนเตอร์ - การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

ดาต้าเซนเตอร์จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์อุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยมีการลงทุนจากยักษ์ใหญ่ในเทคโนโลยีระดับโลกที่วางแผนจะลงทุนมากกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องการกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ประมาณ 500-1,000 เมกะวัตต์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การลงทุนที่สำคัญนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของประเทศในเศรษฐกิจดิจิทัล และศักยภาพในการได้รับผลประโยชน์ต่อเนื่อง เมื่อดาต้าเซนเตอร์ขยายตัว มักจะดึงดูดผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์มายังนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจะหนุนอุปสงค์ที่ดิน, โครงสร้างพื้นฐาน และแรงงานที่มีทักษะ

ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรยังทรงตัว

อุปสงค์ที่ดินอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งในสภาวะอุปทานที่จำกัดผลักดันให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 10-20% ในปี 2567 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2568 แต่ต้นทุนการเข้าซื้อที่ดินที่สูงขึ้นน่าจะกลบผลกระทบจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นบางส่วน ที่ดินราคาต่ำที่ผู้พัฒนาซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ได้ถูกขายไปแล้ว และที่ดินที่วางแผนจะขายในปี 2568 จะเป็นที่ดินที่ซื้อในราคาที่สูงขึ้น ดังนั้นกำไรจากการขายที่ดินคาดว่าจะทรงตัว YoY แม้ว่าราคาขายที่ดินจะสูงขึ้น ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์ในตลาดและความสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรม

ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก - ปัญหาที่สามารถบริหารได้

ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก 15%ตามโปรโตคอล BEPS 2.0 ของ OECD มีเป้าหมายสำหรับบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้เกิน 750 ล้านยูโร แม้ว่านโยบายนี้อาจส่งผลต่อ FDI ทั่วโลก แต่ผลกระทบโดยตรงต่อผู้พัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทยคาดว่าจะมีน้อย เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) น่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนการเติบโตของ FDI ความพยายามดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่แข่งขันได้สำหรับการลงทุนทางอุตสาหกรรม