#GULF #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1470 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 แต่ถ้าย้อนกลับลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1455 จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ซึ่งแบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องของกลุ่มบริษัทฯ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจก๊าซ 2) ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และ 3) ธุรกิจดิจิทัล
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 6,029 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.51 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 66 ที่มีกำไรสุทธิ 3,360 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.29 บาท
ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 14,269 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.22 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 66 มีกำไรสุทธิ 10,095 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.86 บาท
GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67โดยมีรายได้รวม (total revenue) เท่ากับ 31,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 3/66 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) เท่ากับ 4,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จาก 4,203 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 2 และ 3 ในเดือนต.ค.66 และมี.ค.67ตามลำดับ ส่งผลให้ในไตรมาส 3/67 GULF รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการ GPD หน่วยที่ 1-3ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,987.5 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,540 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 1ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ GULF รับรู้กำไรจากการดำเนินงานของโครงการ HKP หน่วยที่ 1 ในไตรมาสนี้
อีกทั้ง GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 150 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 เป็น 414 ล้านบาท ในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับรายการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (property tax) ค้างจ่ายที่บันทึกไว้สูงเกินไปสำหรับปี 66 และ 9 เดือนแรกของปี 67 จำนวน 326 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในไตรมาส 67 นี้ GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนใน INTUCH จำนวน 1,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จาก 1,527 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ GULF มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 3/67 จำนวน 9,843ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับ 9,364 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 ในขณะที่กำไรสุทธิ (net profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 6,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จาก 3,360 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 โดยในไตรมาส 3/67 บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เนื่องจากค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจาก 37.01บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 2/67 เป็น 32.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 3/67 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี และไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการของ GULF แต่อย่างใด
ณ วันที่ 30 ก.ย.67 GULF มีสินทรัพย์รวม 486,837 ล้านบาท หนี้สินรวม 338,421 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 148,416 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net interest-bearing debt to equity) อยู่ที่ 1.71 เท่า ลดลงจาก 1.85 เท่า ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/67บริษัทฯ คาดว่ารายได้รวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่เปิดดำเนินงานตามแผน โดยโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในวันที่ 1 ต.ค.67 ซึ่ง GULF จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของหน่วยผลิตนี้ในไตรมาส 4/67
นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532เมกะวัตต์ ในเดือนธ.ค.67 ประกอบกับในไตรมาส 4 เป็นช่วง high season ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation ในประเทศไทย และโครงการ BKR2 ในประเทศเยอรมนี คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น อีกทั้ง ผลการดำเนินงานของ ADVANC คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้งานและ ARPU ที่เพิ่มขึ้น
ในปี 68 ผลประกอบการของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายหลังการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH เสร็จสิ้น เนื่องจากบริษัทใหม่ (NewCo) จะถือหุ้นโดยตรงใน ADVANC ในสัดส่วน 40.4% ซึ่งทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจ แบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ของ ADVANC และ THCOM จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/67 - 1/68 ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นไตรมาส 2/68
ในปี 68 บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,470 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้า HKP หน่วยผลิตที่ 2 (770 เมกะวัตต์) จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 ม.ค.68 อีกทั้ง โครงการ solar farms และ solar farms with battery energy storage systems มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมรวมอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 600เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ รับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการดังกล่าว ในส่วนของธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเข้า LNG เป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 5 ล้านตัน เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC, GPD และ HKP
นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล GSA DC (data center) ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยเฟสหนึ่งขนาด 25 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีแผนที่จะเปิดให้บริการในเดือนเม.ย.68 ส่วนธุรกิจ cloud ที่บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนที่จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2/68โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ธุรกิจ health care ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงสถาบันทางการเงิน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการ อื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งได้แก่ AI และ cybersecurity อีกด้วย
ส่วนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset exchange) ภายใต้แพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ภายหลังจากการเปิดให้บริการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Gulf Binance ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและมีผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 20%ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งยังได้มีการคัดสรรคู่เหรียญใหม่ ๆ เพิ่มเติมลงบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 64.00 ลงไป หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 70.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 60.00 และมีแนวรับสำคัญสำหรับการปรับฐานที่ 55.00 แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 65.00 ขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านที่ 70.00
ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม