> กองทุน > MFC

22 ตุลาคม 2024 เวลา 09:00 น.

MFCแนะ3กองทุนลุยโค้งท้าย คัด“MGF-MGPROP-MINDIA”


#MFC #ทันหุ้น- MFC ชี้เป้า 3 กองทุนแกร่ง “MGF – MGPROP – MINDIA” กองทุนหลักได้รับ 5 ดาวจาก Morningstar ฝ่าตลาดผันผวนก่อนเลือกตั้งสหรัฐ กระจายลงทุนกองทุนหุ้นโลก เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนกับ Global REITs รับเทรนด์ดอกเบี้ยสหรัฐขาลง พร้อมกองทุนหุ้นอินเดีย เศรษฐกิจเติบโตแรงสวนเศรษฐกิจโลก


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 4/2567 ตลาดทั่วโลกอาจมีความผันผวนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ MFC จึงแนะนำ 3 กองทุนที่น่าสนใจและกองทุนหลักได้รับ  5 ดาว จาก Morningstar ที่จะช่วยให้นักลงทุนนำมาจัดพอร์ต เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและฝ่าความผันผวนของตลาด ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF), กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ อิควิตี้ ฟันด์ (MGPROP) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเดีย ซีเล็ค อิควิตี้ (MINDIA)


*หุ้นสหรัฐปรับฐานจังหวะเข้า

สำหรับ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF)ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก เป็น Global Equity ระดับความเสี่ยง 6 เหมาะกับการใช้เป็น Core Port เพราะมีขอบเขตการลงทุนที่กว้าง มีความยืดหยุ่นเลือกลงทุนได้หลายตลาด ผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่นกองทุนหลักได้รับ Morning Star 5 ดาว โดยตั้งแต่ปี 2014 – 2023 กองทุนหลัก ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีชี้วัด MSCI ACWI ถึง 8 ปี จากทั้งหมด 10 ปี นอกจากนี้กองทุนหลักยังได้รับ Morningstar Sustainability Rating ซึ่งเป็นเรื่องของ ESG ระดับ 5 ลูกโลก


MFC มองช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในเดือน พฤศจิกายนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสปรับฐาน จึงเป็นจังหวะลงทุนจากสถิติการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ย้อนหลังตั้งแต่ปี ค.ศ.1984 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐ มักจะผันผวนและปรับตัวลงก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน ในช่วงเดือน ตุลาคม (เฉลี่ย -1.73%) แต่จะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในเดือน พฤศจิกายน และ ธันวาคม หลังรู้ผลการเลือกตั้ง (เฉลี่ย พ.ย. +0.98% และ ธ.ค. +1.32%)


“จุดเด่นของกองทุน MGF ลงทุนในกองทุนหลักที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด มีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากหุ้นประเภทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีกำไรและรายได้เติบโตสม่ำเสมอ จึงแนะนำลงทุนเป็นพอร์ตหลักและยังเลือกลงทุนผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีได้ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)”นายธนโชติ กล่าว


*ดบ.ลงกองอสังหารับผลดี

ด้าน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ อิควิตี้ ฟันด์ (MGPROP) ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกกระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจแบบ Valuation-Focus โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาเหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดี รวมถึงหุ้นธุรกิจ Data Centers ที่เติบโตสูงในระยะยาวและเกาะกระแส AI และหุ้นธุรกิจที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ


สำหรับความเคลื่อนไหวของราคา Global REITs ดัชนี FTSE NAREIT All Equity REITs Index ได้ปรับตัวลงมาจากต้นเดือน ตุลาคม จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) และตลาดปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้าจึงคาดการณ์ Global REITs อาจพักฐานระยะสั้น ซึ่งคาดว่าการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จำกัดโดยมีแนวต้านที่ 4.1% จากปัจจุบันที่ 4.0% และระยะยาวคาดว่าจะปรับตัวลง


ทั้งนี้ ตามสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า Global REITs มักทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในปีที่ Bond Yield ปรับตัวลง ซึ่งผลตอบแทนราคาดัชนี FTSE Nareit All Equity REITs Index 3 เดือน +8.47% และ 1 ปี +28.26% (ข้อมูล ณ 16 ต.ค. 67)


สำหรับมุมมองการลงทุน Global REITs ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและยาว Overweight เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์วัฏจักรดอกเบี้ยสหรัฐ ขาลง ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดดอกเบี้ยต่อ อีก 0.5% ในช่วงไตรมาส 4/2567 และปรับลดต่อ 1% ปีหน้า ส่งผลดีต่อต้นทุนการเงินที่ลดลงของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวแบบ Soft Landing และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้นักวิเคราะห์มีโอกาสปรับประมาณการกำไรกลุ่ม REITs และ Net Asset Value เพิ่มขึ้น ซึ่ง US REITs คาด Earning growth (Y+1) เติบโตเฉลี่ย 6% ในปี 2568


*หุ้นอินเดียยังอยู่ในโฟกัส

ส่วนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเดีย ซีเล็ค อิควิตี้ (MINDIA) ลงทุนในกองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Jupiter India Select Fund โดยกองทุนหลักได้รับ Morningstar 5 ดาว เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ที่มีโอกาสเติบโตสูงในราคาที่สมเหตุสมผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียยังเติบโตในระดับสูง 6-7% ต่อปี สวนทางเศรษฐกิจโลกจึงมองตลาดหุ้นอินเดีย เป็นโอกาสเข้าลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาว เหมาะสำหรับใช้จัดพอร์ตการลงทุน


“ตลาดหุ้นอินเดีย มีการเติบโตเชิงโครงสร้าง (Structural Growth) ที่มีความมั่นคงในระยะยาว โดยธีมที่น่าสนใจ คือ หุ้น Mid-Small Cap เพราะหลายบริษัทไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วไป นักวิเคราะห์ยังเข้ามา Cover ไม่มาก ทำให้ได้หุ้นที่ราคายังไม่แพง การเติบโตสูง Earnings Growth ระดับ 15-25% ต่อปี คาดว่าเศรษฐกิจและกำไรจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ได้ผลกระทบจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวช่วงการเลือก ตั้งทั่วไป”นายธนโชติ กล่าว

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X