นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 หุ้นในกลุ่ม CPประกอบด้วยหุ้นกลุ่มอาหาร - การบริโภคภายในประเทศ CPF, CPALL CPAXT และTRUE ว่า โดยภาพรวมยังมีแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจากภาพใหญ่ อาทิ มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้นให้กลุ่มฐานราก, มาตรการเพิ่มรายได้ผ่านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท, การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568,รวมถึงมีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่จะทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้มีปัจจัยกดดันจากปัจจัยฤดูกาล รวมถึงสถานการณ์อุทกภัยบางพื้นที่
เบื้องต้นประเมินยอดขายต่อสาขา (SSSG) ของ CPALLงวดไตรมาส 3/2567 ยังเติบโตได้ หนุนจากความสามารถในการเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มอาหารทั้งอาหารสด,อาหารกกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ,สินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ รวมถึงยอดการจัดซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น หนุนให้กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตได้ดีที่สุดในกลุ่ม CPและหากมองไปไตรมาส 4/2567 ซึ่งเข้าสู่ช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย – การเดินทางท่องเที่ยวหนุนให้ยอดขายต่อสาขาเติบโตได้อย่างโดดเด่น คาดไรปกติปี 2567 ที่ 23,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoYและเติบโตต่อเนื่อง 7.2% YoY แตะ 24,759 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย เป็น 79.20 บาท
*CPAXT ควบรวมเสร็จ
ขณะที่ CPAXT สิ้นสุดกระบวนการควบรวมกิจการกับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เอก-ชัย) โดยหุ้นของ CPAXT และ เอก-ชัย จะถูกแทนที่และกลับมาซื้อขายในตลาด การควบรวมกิจการ คาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะกลางถึงยาว โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังคิดเป็นประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือประมาณ 5 พันล้านบาท ภายใน 2-3 ปี จากประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการรับบโลจิสติกส์และห่วงโซ่การจัดหาสินค้าภายในประเทศและต่างประเทศ
คาดกำไรปกติทั้งปี 2567 ของ CPAXT ที่ 23,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoYและเติบโตต่อเนื่องอีก 16.22% YoY แตะ 11,636 ล้านบาท จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 38 บาท
*CPFมุ่งเพิ่มกำไร-ลดต้นทุน
สำหรับ CPF คาดว่าต้นทุนการเลี้ยงสัตว์งวดครึ่งหลังของปี 2567 (2H67) จะลดลง 6% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2567 (HoH) สวนทางราคาเนื้องหมู – เนื้อไก่ที่ยังคงทรงตัวสูงหนุนความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในไทย และจีน ประกอบกับ CPF มีแผนที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุกมากขึ้น มุ่งเพิ่มผลกำไรและลดต้นทุนโลจิสติกส์ จึงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 1.65 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุน 5,207 ล้านบาท เมื่อปี 2566 พร้อมคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 3.36% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 29.10 บาท
ฝ่ายวิเคราห์ คาดว่ารายได้ปกติไตรมาส 3/2567 ของ TRUE จะเติบโต 4.7% YoY สอดล้องกับรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (ARPU) ที่ราว 216 บาท เพิ่มขั้น 9.1% YoY และเพิ่มขึ้น 4.3% QoQ โดยคาดว่า EBITDA ไตรมาส 3/2567 น่าจะเติบโต 13.4% YoY และทรงตัว QoQ คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น (EBITDA margin) ไตรมาส 3/2567 ที่ 46.9% เทียบกับ 42.9% ในไตรมาส 3/2566 และ 47.6% ในไตรมาส 2/2567
ทั้งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของ TRUE เนื่องจากยังมี Upside risk ต่อประมาณการ EBITDA และกำไรปกติของ ทั้งยังคงมุมมอง “บวก” ต่อแนวโน้มโดยรวมของกลุ่มโทรคมนาคมจากการแข่งขันที่ไม่รุนแรง,วัฏจักรการลงทุน 5G ที่ชะลอตัวลง และแนวโน้มการประหยัดต้นทุนจากการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงโรมมิ่งเป็นข้อตกลงแบบใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่เร่งตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนปัจจัยทั้งหมดข้างต้นไปแล้ว จึงแนะนำ “ถือ”
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม