> SET > SCC

17 กันยายน 2024 เวลา 13:15 น.

6 โบรกเกอร์ ส่อง SCC ไปต่อ หรือ พอก่อน?

#ทันหุ้น - 6 โบรกเกอร์ ส่องกลยุทธ์การลงทุนหุ้น SCC แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" และ "ถือ" มุมมองเป็นลบเล็กน้อย สถานการณ์ของปิโตรเคมีนั้นฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ โดยมีความไม่แน่นอนของ product mixed อาจส่งให้มีความเสี่ยงด้อยค่าฯ แนะนำรอผ่านแรงกดดันระยะสั้นไปก่อน ค่อยกลับมาเก็งกำไรการฟื้นตัวจากฐานต่ำ ของธุรกิจปิโตรเคมีใน 2568F จาก oversupply ที่ลดลง รวมถึงปริมาณขาย LSP เข้ามาหนุน ทั้งนี้ แม้ valuation จะดูไม่แพงแล้ว แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาหุ้นยังขาดปัจจัยหนุน โดยแผนใหม่มีไว้สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว แนวโน้มอุตสาหกรรมระยะสั้นยังคงท้าทาย ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 250-320 บาท


บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC หลังได้มีโอกาสเข้าร่วม "SCG Future Forward: Opportunities and Strategies thru Inclusive Green Growth" มีมุมมองเป็นลบ สถานการณ์ของปิโตรเคมีนั้นฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ทั้งจาก Supply ที่ยังมีเข้ามาเพิ่ม และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า โรงงาน LSP ต้องมีการปรับเปลี่ยนและลงทุนเพิ่มเติม และปัจจุบัน Spread ปิโตรเคมีก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ 300-350 $/ton เบื้องต้นยังคง เป้าหมายที่ 310 บาท อิง PBV ที่ 1 เท่า และคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ปัจจุบันราคาหุ้นต่ำกว่า Liquidation Value


โดยมีประเด็นสรุปจากผู้บริหาร ดังนี้


1.ถึงแม้ธุรกิจ Cement ในประเทศจะมี Over Supply แต่บริษัทมี Low Carbon Cement ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาดในทุกวันนี้ ทั้งโครงการภาครัฐใหม่ๆ และ Property Developer รายใหญ่ที่เน้นไปยัง Net Zero นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกไปยังประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีความต้องการที่มากขึ้น และบริษัทกำลังขยายตลาดไปยัง Australia และ Canada ที่มีความต้องการ 


2.ขยายฐานผลิต Low Carbon Cement ไปยังประเทศเวียดนาม ตลาดเวียดนามทางตอนใต้ยังมีการเติบโต และจะเป็นฐานส่งออกไปยังต่างประเทศ 


3.ธุรกิจ Clean Energy ตั้งเป้า PPA ที่ 3.5 GW ภายในปี 2030


4.ขยายธุรกิจ Heat-as-a Service ด้วย RONDO battery ที่กักเก็บพลังงานในรูปแบบความร้อน ตั้งเป้า 1,500 MWh ทดแทนการใช้ Boiler ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็น Diesel, LPF และ HFO ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ 


5.ธุรกิจปิโตรเคมี ยังเผชิญกับความท้าทาย ผู้บริหารยอมรับการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมี ช้ากว่าที่คาดไว้กำลังการผลิตใหม่ๆ ของประเทศจีนยังมีเพิ่มขึ้น จากโรงกลั่นขยายธุรกิจมาปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยการเข้ามาของ EV Car ที่รวดเร็วจนทำให้โรงกลั่นต้องปรับตัว และส่งผลให้ supply ของปิโตรเคมียังเพิ่มขึ้นจากเพิ่มที่เคยคาดไว้ที่ 16 ล้านตัน มาเป็น 40 ล้านตัน 


6.ดังนั้นแล้วบริษัทมีการปรับแผนการลงทุนใน LSP ปิโตรเพิ่ม เพื่อให้ LSP สามารถรองรับ Feed Stock ที่เป็น Ethane ซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า 200-300 $/ton เพื่อให้ Project LSP กลับมา Feasible อีกครั้ง โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดหา Ethane ในสหรัฐฯ และพันธมิตรสายเรือที่จะต้องต่อเรือในการขนส่ง เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเริ่มรับ Ethane ได้ในปลายปี 2570


7.ปัจจุบันโครงการ LSP สามารถรับ Feed Stock ที่เป็น Propane และ Naphtha ได้มากสุดอย่างละไม่เกิน 70% และด้วยสถานการณ์ของส่วนต่างราคาที่อยู่ในระดับที่ต่ำ 300-350 $/ton การเดินโรงงาน LSP จึงอาจจะยังไม่คุ้ม 


ด้าน บล.กรุงศรี มุมมอง Negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ SCC ประเด็นของธุรกิจปิโตรเคมีที่มีโอกาสเกิด downside หากโครงการ LSP ดำเนินการผลิตต่ำกว่าคาด (อาจสร้าง downside ต่อกำไรปกติ 2568F ราว -9-18% หรือราว 2-4 พันลบ.) และต้องแบกรับต้นทุน คงที่มากกว่าคาด ซึ่งการลงทุนจัดหา Ethane ที่ต้นทุนต่ำกว่า propane และ naphtha ต้องใช้เวลามากกว่า 3 ปี 


โดยมีความไม่แน่นอนของ product mixed อาจส่งให้มีความเสี่ยงด้อยค่าฯ แนะนำรอผ่านแรงกดดันระยะสั้นไปก่อน ค่อยกลับมาเก็งกำไรการฟื้นตัวจากฐานต่ำ ของธุรกิจปิโตรเคมีใน 2568F จาก oversupply ที่ลดลง รวมถึงปริมาณขาย LSP เข้ามาหนุน คาดกำาไรปกติ 2568-69F ฟื้นเฉลี่ย 69% CAGR คงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรที่ 68F 290 บาท/หุ้น


ส่วน บล.ดาโอ คงคำแนะนำ “ถือ” SCC ที่ราคาเป้าหมายปี 2567E ที่ 250.00 บาท อิงวิธี SOTP ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นลบมากขึ้นหลังเข้าร่วมประชุมสัมมนา SCG Future Forward ซึ่งบริษัทได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์ธุรกิจระยะยาวใหม่เพื่อตอบสนองต่อภาพรวมธุรกิจที่มีความท้าทายมากขึ้น


โดยในขณะที่ SCC ยังคงให้ความสำคัญกับการออกผลิตภัณฑ์สีเขียว (green product) แต่บริษัทได้วางแผนใหม่ในการปรับความยืดหยุ่นของโรงแครกเกอร์ของ LSP Petrochemical Complex สำหรับภาพระยะสั้น เชื่อว่าแนวโน้มกำไร 2H67E จะอ่อนตัวกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดก่อนหน้านี้ จากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (olefins spread) ที่อ่อนตัว QTD (ผิดกับที่คาดว่าจะฟื้นตัว)


นอกจากนี้ จากระดับ olefins spread ที่ต่ำทำให้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าบริษัทจะพยายามควบคุมอัตราการใช้กำลังการผลิต (utilisation rate) ให้อยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้น่าที่จะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือน ต.ค.2567


ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 2567E/2568E ที่ 1.67/2.01 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1.33 หมื่นล้านบาทในปี 25663 โดยมีสมมติฐานส าคัญ คือ 1) ปริมาณยอดขายปิโตรเคมีรวม (PE, PP, PVC) ที่สูงขึ้นจากการ COD ของโครงการ LSP Petrochemical Complex, 2) ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจ CBM และ 3) รายได้จากธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง (SCGP) ที่สูงขึ้น


ราคาหุ้น underperform SET -13% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนแนวโน้ม olefins spread ที่อ่อนตัวลง ราคาปัจจุบันสะท้อน 2567E PBV ที่ 0.76x (ประมาณ -2.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ แม้ valuation จะดูไม่แพงแล้ว แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาหุ้นยังขาดปัจจัยหนุน โดยฝ่ายวิจัยมองว่ากำไรของบริษัทจะยังคงถูกกดดันจากแนวโน้ม olefins spread ที่ทรงตัวต่ำนานกว่าคาดตามแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวและจากอุปทานใหม่ที่ยังคงเข้ามาอยู่



ฟาก บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ถือ” SCC ด้วยเป้าหมายที่ 254.0 บาท จาก upside ที่จำกัดต่อเป้าหมาย แผนใหม่มีไว้สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว แนวโน้มอุตสาหกรรมระยะสั้นยังคงท้าทาย 


ซีเมนต์คาร์บอนต่ำและสมาร์ทลิฟวิ่งโซลูชันเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับ SCC จากผู้เล่นรายอื่น อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์โดยรวม LSP จะได้รับการปรับปรุงเพื่อใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบหลัก พลังงานสะอาดเป็นธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต อย่างไรก็ตาม ด้วยหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่สูง จึงจำเป็นต้องมีการลดหนี้


ขณะที่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า SCC สเปรดปิโตรเคมีที่อยู่ระดับต่ำเช่นนี้จะยาวนานออกไป จากกำลังผลิตใหม่จากจีน จึงได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการจัดหาก๊าซอีเทนซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า มาใช้ผลิต โดยโอกาสจาก Low Carbon Cement ยังมีอีกมาก ผ่านการใส่ใจเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการบังคับใช้ Carbon Tax ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนคือ Growth Driver ใหม่ โดยตั้งเป้าหมาย 3,500 MW ภายในปี FY73F 


แนะนำ “ถือ” SCC ให้เป้าหมาย 259 บาท มองว่าจะกลับมาน่าสนใจ เมื่อสเปรดปิโตรเคมีฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จนส่งผลให้กำไรกลับมาเติบโต


ด้าน บล.เอเซีย พลัส มุมมอง SCC เปลี่ยนเพื่ออนาคต หลายปีนับจากนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนกฎระเบียบและภาษีคาร์บอน รวมถึงวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีที่ยาวนานกว่าคาดมาก 


ไฮไลท์หลักคือการปรับโรงงาน LSP ในเวียดนาม รองรับการใช้ Ethane เป็น Feed Stock หลายแผนงานที่ SCC กำลังดำเนินการอยู่จะส่งผลบวกในระยะยาว


อย่างไรก็ตาม การปรับประมาณการกำไรภายใต้ข้อมูลที่มีอย่างจำกัดทำได้ลำบาก ฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการเดิมไว้ และให้น้ำหนักลงทุน "ถือ" ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ได้ที่ 320 บาท


ทันเกม  รู้ก่อนใคร  ติดตาม  "ทันหุ้น"  ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X