> Trendtalk > BANPU

12 กันยายน 2024 เวลา 06:20 น.

เจาะ BANPU

#BANPU #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,430 ลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,410 ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มในระยะสั้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 1,404-1,410 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,400 ลงไปจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1,370


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจบริษัทพลังงานแบบครบวงจร โดยสร้างการเติบโตครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน


ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 937 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.094 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 ขาดทุนสุทธิ 445 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.053 บาท


ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 2,488 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.248 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 66 มีกำไรสุทธิ 4,542 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.537 บาท


BANPU รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 1,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 38,810 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,924 ล้านบาท) และกำไรสุทธิ 43.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,552 ล้านบาท) ในช่วงที่ผ่านมาแม้ต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก บริษัทยังคงบริหารจัดการธุรกิจและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างกระแส เงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พร้อมเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero เต็มพิกัด โดยมีโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) ในสหรัฐอเมริกาที่เตรียมดำเนินการในปีนี้ ขณะที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน โรงงานผลิตแบตเตอรีในไทยได้เริ่มส่งมอบแบตเตอรีให้กับลูกค้าในประเทศไทยแล้ว


นายสินนท์  ว่องกุศลกิจ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายถ่านหินรวมในปีนี้ที่ 40.8 ล้านตัน จากกำลังการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และจีน แม้ครึ่งปีหลังอาจมีปัญหาเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่มั่นใจว่ายังมีการบริหารจัดการได้ดี


สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง ตั้งเป้ารักษากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ให้ใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมองแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากไตรมาส 4 เข้าสู่ฤดูหนาวทำให้สามารถปรับขึ้นราคาและซัพพลายชะลอต่อเนื่อง จากปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu


สำหรับธุรกิจถ่านหินนั้น มองว่าในครึ่งปีหลังราคาถ่านหินจะปรับเพิ่มขึ้นได้จากครึ่งปีแรกที่ 100 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่บริษัทสามารถลดต้นทุนถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลดีกับบริษัท


บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ 350ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 50% อีก 50% จะใช้ในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีพลังงาน รวมทั้งมีความสนใจเข้าประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนรอบใหม่ 3,000 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐขณะเดียวกัน มีความสนใจโครงการซื้อขายไฟฟ้า Direct PPA เริ่ม 2,000 เมกะวัตต์ ด้วยเช่นกัน



ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 5.30-5.50 ขึ้นไป หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6.30 ลงมาทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 5.80 ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 5.50-5.60 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ โดยมีแนวต้านที่ 6.30 และ 6.50 เป็นแนวต้านสำคัญ

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X