> Trendtalk > CPALL

29 สิงหาคม 2024 เวลา 06:50 น.

เจาะ CPALL

#ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่แนวต้านสำคัญ 1365 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1330 ขึ้นไป ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1380 ตามกรอบแนวโน้มขาลง แต่ถ้าถูกขายต่อเนื่องที่แนวต้าน 1360-1365 จะมีโอกาสปรับฐานลงไปทดสอบแนวรับที่ 1350 และ 1330 เป็นแนวรับสำคัญ


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ CPALL หรือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ "แม็คโคร"


ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 6,239 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.68 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 4,438 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.48 บาท


ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 12,558 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.37 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 66 มีกำไรสุทธิ 8,561 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.93 บาท


CPALL รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 มีกำไร 6,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น % 40.6% จากงวดเดียวกันปี 66 ที่มีกำไร 4,438.40 ล้านบาท ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีรายได้รวม 248,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 6.9%โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัวรวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งสร้างบรรยากาศที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย


โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้อยู่ที่ 12,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค มีต้นทุนทางการเงินลดลงจากการบริหารจัดการหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในไตรมาส 2/67 มีเท่ากับ 0.68 บาท


ด้านธุรกิจธุรกิจร้านสะดวกซื้อในไตรมาสนี้ ได้เปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 124 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/67 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,854 สาขา แบ่งเป็นร้านสาขาบริษัท 7,546 สาขา (51%) และ ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,308 สาขา ( 49%) โดยร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.


ขณะที่ รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 112,044ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 86,656 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 3.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 85บาท ในขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,007 คน ทั้งนี้ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจ านวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน


ส่วนต่างประเทศ บริษัทฯดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 87 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 6 สาขา


สำหรับงวด 6 เดือนปี 67 มีกำไรสุทธิ 12,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.7% โดยงวดครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 489,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวม 1.37 บาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังคงดีต่อเนื่อง


นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้าสำนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว โดยคาดหวังรัฐบาลจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 68 และ มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งปัจจุบันการที่นักท่องเที่ยวมีการเติบโตที่ดีก็ทำให้ยอดขาย และ ยอดการใช้จ่ายต่อใบเสร็จมีการติบโตเพิ่มมากขึ้น


ในขณะที่ margin สินค้าของบริษัทในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น จากทั้งสินค้าหมวดอาหาร (พร้อมรับประทาน) และ หมวดที่ไม่ใช่อาหาร โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะเดินหน้าวางจำหน่ายสินค้าใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง และ ดึงดูดลูกค้า ซึ่งคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน


สำหรับงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ 12,000-13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การเปิดร้านสาขาใหม่ และ การปรับปรุงร้านเดิม ประมาณ 8,000 ล้านบาท และ อีก 4,000-5,000 ล้านบาท จะเป็น การลงทุนโครงการใหม่ๆ โดยการเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยยังคงเป้าหมายเดิมที่ 700 สาขา หลังจากที่ขยายเพิ่มไปแล้วประมาณ 309 สาขาในครึ่งปีแรก ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนสาขาในประเทศ 14,854 สาขา


ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น 54.00 กลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 56.00 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 62.00 และ 63.00



ทันเกม  รู้ก่อนใคร  ติดตาม  "ทันหุ้น"  ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X