> Trendtalk > TTB

31 กรกฎาคม 2024 เวลา 06:10 น.

TrendTalk : เจาะ TTB

#TTB #ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,290 กลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1,300 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1,320 และ 1,330 เป็นแนวต้านสำคัญ


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ TTB หรือ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)


ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ทุกประเภทตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน และประกอบกิจการประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงิน ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง


ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 67 มีกำไรสุทธิ 5,355 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.06 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 66 มีกำไรสุทธิ 4,566 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.05 บาท


ส่วนผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิ 10,689 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.11 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 6 เดือนของปี 66 มีกำไรสุทธิ 8,860 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.09 บาท


นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารสามารถรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทายและสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี


เพื่อบริหารทุนและสภาพคล่องส่วนเกิน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ใช้สิทธิไถ่ถอนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2ก่อนครบกำหนด จำนวน 30,000 ล้านบาท เนื่องจากประเมินแล้วว่าสภาพคล่องและฐานะเงินกองทุนของธนาคารในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง ดังนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดจะเป็นผลดีต่อการบริหารต้นทุนของธนาคาร


ในภาพรวมธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่จำนวนลูกค้าภายใต้โครงการรวบหนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 17,000 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว สู่ระดับ 25,000 รายในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารสามารถช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้กว่า 1,700 ล้านบาท


จากการดำเนินการข้างต้น ประกอบกับการบริหารกระบวนการลดหนี้เสียผ่านการขายและการ Write off อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สถานการณ์ด้านคุณภาพสินทรัพย์เป็นไปตามเป้าหมาย สะท้อนได้จากระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ที่ลดลง 2% จากสิ้นปีที่แล้วมาอยู่ที่ 40,105 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ที่ 2.6% ขณะที่อัตราส่วนสำรอง ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 152%


สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ๆ ในไตรมาส 2 และ 6 เดือน ปี 2567 มีดังนี้


สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 อยู่ที่ 1,297 พันล้านบาท ชะลอลง 2.4% จากสิ้นปี 2566เป็นไปตามแนวทางการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ โดยสินเชื่อกลุ่มเป้าหมายยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และสินเชื่อบุคคล ทั้งนี้ การลดลงของสินเชื่อรวมเป็นผลจากการชำระคืนหนี้ของลูกค้าและการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ผ่านการขายและการ Write off


ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,365 พันล้านบาท ปรับลดลง 1.5% จากสิ้นปีก่อนหน้า เพื่อให้เป็นไปตามแผนบริหารสภาพคล่องและให้สอดคล้องกับความต้องการสินเชื่อใหม่ที่ลดลง โดยก่อนหน้านี้ในไตรมาส 4 ปี 2566ธนาคารได้ขยายเงินฝากกว่า 4.3%เพื่อเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับการดำเนินงานในปี 2567ทำให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สภาพคล่องจึงยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จาก LDR ที่อยู่ที่ 95%ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับธนาคารในการบริหารต้นทุนทางการเงิน ทั้งนี้ เงินฝากที่ลดลงเป็นผลจากการลดเงินฝากต้นทุนสูง ในขณะที่เงินฝากจากลูกค้ารายย่อยยังคงขยายตัวได้ตามแผน


สำหรับพอร์ตการลงทุน ธนาคารเน้นการบริหารพอร์ตเชิงรุกเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยในตลาด ที่สำคัญคือธนาคารเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐเป็นหลัก ไม่มีนโยบายลงทุนหรือเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีผิดนัดชำระหนี้ในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา


กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตดังกล่าวช่วยหนุนแนวโน้มรายได้ดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงมีความท้าทาย ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2567 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 17,372 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,210 ล้านบาท ส่งผลให้ใน 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 35,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 14,781 ล้านบาท ลดลง 2.5% จากปีก่อนหน้า


ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงินและเสริมกันชนรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ธนาคารได้ตั้งสำรอง เพิ่มเติมจากระดับปกติ โดยเป็นการตั้งสำรอง เพิ่มเติมในส่วนของ Management Overlay ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายตั้งสำรอง เป็นจำนวน 5,281 ล้านบาท ในไตรมาส 2 รวม 6 เดือน ปี 2567 ดำเนินการตั้งสำรอง ทั้งสิ้น 10,397 ล้านบาท ซึ่งหลังจากหักสำรอง และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 และรอบ 6 เดือน ปี 2567 ที่ 5,355 ล้านบาท และ 10,689 ล้านบาท ตามลำดับ


ท้ายสุดด้านฐานะเงินกองทุน ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.1% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) อยู่ที่ 19.5% ลดลงเล็กน้อยจากการไถ่ถอนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด ในภาพรวมระดับเงินกองทุนยังถือว่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 9.5% สำหรับ Tier 1 และ 12.0% สำหรับ CAR

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1.72 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.90 และ 2.10 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.60 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

X คลิก https://twitter.com/thunhoon1

Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X