#MTI #ทันหุ้น MTI เปิดงบปี 2566 เบี้ยรับรวมที่ 17,757 ล้านบาท เติบโต 3.34% จากปี 2565 โดยเติบโตดีทั้งประกันรถยนต์ และประกันทั่วไป เผยสินไหมรถเพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้รถที่เข้าสู่ภ่าวะปกติหลังสถานการณ์โควิดซาลง ด้านที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีมติปันผล 5 บาท กำหนดจ่าย 14 พ.ค. 67 ขึ้นXD 11 มี.ค. 2567
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 17,757.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.34% จากงวดเดียวกันปี 65 ที่มีเบี้ยรับรวม 17,183.68 ล้านบาท
ทั้งนี้เบี้ยรับรวม 17,757.57 ล้านบาท มาจากเบี้ยประกันรถ จำนวน 10,531.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.96% เทียบจากงวดเดียวกันปี 2565 และจากประกันภัยอื่นจำนวน 7,225.71 ล้านบาท เทียบเพิ่มขึ้น 2.44% จากงวดเดียวกันปี 2565
โดยเบี้ยประกันภัยรับสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 9,023.63 ล้านบาท เป็น 10,911.46 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20.92% จากทั้งงานประกันภัยรถ และประกันภัยทั่วไป ในส่วนของเบี้ยที่ถือเป็นรายได้เพิ่มขึ้นจาก 8,572.58 ล้านบาท เป็น 10,029.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.99%
รายได้ค่าบำเหน็จ-นายหน้าลดลงจำนวน 337.00 ล้านบาท หรือลดลง 15.52% จากการรับประกันภัยต่อของงานประกันรถยนต์ที่ลดลงเนื่องจากบริษัทประกันภัยรับความเสี่ยงภัยไว้เองมากขึ้นในปี 2566 โดยบริษัทประกันภัยมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการรับความเสี่ยงภัยของประกันรถไว้เองมากขึ้นเป็นผลจากการที่บริษัทสามารถปรับปรุงผลการรับประกันภัยได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
*รายได้-กำไรลงทุนเพิ่ม
รายได้และกำไรจาการลงทุนในหลักทรัพย์ และรายได้อื่นสุทธิเพิ่มขึ้น 155.11 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2565 คิดเป็น 36.38%เนื่องจากมีโอกาสในการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มทำกำไรมากขึ้น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายสินไหมเพิ่มขึ้นในส่วนของงานประกันรถยนต์ในปี 2566 แต่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดย MTI มีค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนสุทธิจำนวน 5,665.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.80%จากปี 2565 เป็นผลมาจากการขยายตัวของงานรับประกันภัยรถยนต์ของบริษัท และการใช้งานรถยนต์ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่งต่างจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่อัตราค่าสินไหมต่ำเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการควบคุมการเคลื่อนย้าย และจำกัดเวลาเข้าออกเคหะสถาน และในส่วนของสินไหมงานประกันภัยทั่วไปลดต่ำลงเมื่อเทียบกับงานช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนา (COVID-19) สิ้นสุดความคุ้มครองไปแล้ว
ค่าจ้างและค่าบำเหน็จจ่ายมีอัตรา 16.13%ของเบี้ยประกันภัยรับรวม ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยอื่นและค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 187.15 ล้านบาท มาจากรายจ่ายประเภทต่างๆเกี่ยวกับการตลาด และการส่งเสริมการขายเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ภายใต้สภาวะการแข่งขันทางตลาดนอกจากนนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบงานเทคโนโลยี
*ปันผล5บาทต่อหุ้น
โดยงบปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ อยู่ที่ 652.28 ล้านบาท ลดลง 19.10% ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตรา 5.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งจ่ายจากกำไรสุทธิ 4.9958 บาทต่อหุ้น และจ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 0.0042 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 14 พฤษภาคม 2567 โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 มีนาคม 2567
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม