กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) เป็นวันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ จากราคา IPO ที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ที่ 10 บาทต่อหน่วย โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 11.70 บาท และต่ำสุดที่ 11.30 บาท ล่าสุดราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 11.40 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 228.36 ล้านบาท
SUPEREIF ลงทุนในรายได้สุทธิที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมาก (VSPP) ของ บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งหมด 19 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 118 เมกะวัตต์ รายได้หลักของโรงไฟฟ้าจะมาจากการขายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) โดยโครงการได้รับสัญญารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบอัตรารับซื้อไฟฟ้าคงที่ หรือ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย มีระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการคงเหลือประมาณ 21-22 ปี (นับจากเดือนสิงหาคม 2562) และโรงไฟฟ้าแต่ละโครงการได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มาแล้วเป็นเวลากว่า 3 ปี
โดย SUPEREIF เสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้จองซื้อทั่วไป ระหว่างวันที่ 22-26 และ 30-31 กรกฎาคม 2562 ผู้จองซื้อพิเศษและผู้สนับสนุน ในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 จำนวน 515 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 5,150 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เป็นบริษัทจัดการกองทุน และ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย
SUPEREIF เป็นกองทุนที่ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดย บลจ. ได้พิจารณาและประเมินศักยภาพของทรัพย์สินแล้วว่า สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง จากการที่โครงการโรงไฟฟ้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ซึ่งมีอายุคงเหลือประมาณ 22 ปี และมีการกำหนดอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่แน่นอนกับ กฟภ. และ กฟน. ดังนั้น การลงทุนในกองทุน SUPEREIF จึงเป็นโอกาสและทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่จะได้มีส่วนร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวและสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ SUPEREIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยรวมแล้วในแต่ละรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ภายหลังการเสนอขายหน่วยลงทุน SUPEREIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ถือหน่วยลงทุน 20.00% บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยลงทุน 9.07% และ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหน่วยลงทุน 9.07%
บล.กสิกรไทย มองว่า SUPEREIF เหมาะกับลูกค้าที่เฟ้นกองทุนปันผลเด่น โดยปันผลประมาณ 7% ต่อปี ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 10.60 บาท
รายงาน : วิรัช บูรณกนกธนสาร
อย่าลืมกดถูกใจ(Like)http://Facebook.com : ทันหุ้น
กดติดตาม (subscribe)Youtube : thunhoon V.I.P
www.thunhoon.com