#sawad #ทันหุ้น – การซื้อขายหุ้นของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD วันที่ 30 ก.ค.68 ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 18.90-20.60 บาท ปิดครึ่งวันเช้าที่ 20.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.69% มูลค่าการซื้อขาย 662 ล้านบาท
.
IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” 8 ราย แนะนำ “ถือ” จำนวน 7 รายเท่ากัน และมีโบรกเกอร์แนะนำ “ขาย” 1 ราย โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 19.00-37.00 บาท มีค่ากลางที่ 24.00 บาท
.
บล.อินโนเวสท์เอกซ์ออกบทวิเคราะห์วันที่ 15 ก.ค. 2568 พรีวิว ไตรมาส 2/68: คาดกำไรอ่อนแอ; ปรับคำแนะนำลง
บล.อินโนเวสท์เอกซ์คาดว่ากำไรสุทธิ ไตรมาส 2/68 ของ SAWAD จะลดลงเล็กน้อย 1% QoQ (NII ทรงตัว, ECL เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง) แต่จะลดลง 14% YoY (NII ลดลง) เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 21% หลังจากบล.อินโนเวสท์เอกซ์ปรับคำแนะนำขึ้นครั้งล่าสุดในช่วงที่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับต่ำสุดของปีในเดือน มิ.ย.
บล.อินโนเวสท์เอกซ์จึงปรับลดคำแนะนำสำหรับ SAWAD กลับลงมาอยู่ที่ “Neutral” และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 20 บาท เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มอ่อนแอ
แม้ปัจจุบัน SAWAD ซื้อขายที่ PE ต่ำสุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน แต่กำไรของ SAWAD มีแนวโน้มอ่อนแอที่สุด และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์สูงที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์สูง
.
บล.กรุงศรีออกบทวิเคราะห์วันที่ 9 ก.ค. 2568 คาดผลประกอบการไตรมาส 2/68 อ่อนแอ
บล.กรุงศรีคงคำแนะนำ “Neutral” แต่ปรับราคาเป้าหมายปี 2568 ลงเหลือ 19 บาท
บล.กรุงศรียังไม่ชอบ SAWAD เพราะ
i) การจัดการกับคุณภาพสินทรัพย์ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
ii) มีความเสี่ยงด้าน Regulatory Risk สำหรับธุรกิจเช่าซื้อที่จะมีความเข้มงวดในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดย SAWAD มีสินเชื่อเช่าซื้อ 29%
iii) กำไรสุทธิปี 2568 ของ SAWAD คาดว่าจะหดตัว -15% YoY ซึ่งเป็นตัวเดียวในกลุ่ม Consumer Finance ที่กำไรหดตัว YoY
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 คาดอยู่ที่ 1,070 ล้านบาท ลดลง -15% YoY และ -3% QoQ
กดดันหลักจากการลดลงของ NIM และสินเชื่อรวม
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังอ่อนแอต่อเนื่อง โดย NPL Ratio อยู่ที่ 3.90% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/68 ที่ 3.76%
.
บล.ฟิลลิปออกบทวิเคราะห์วันที่ 15 ก.ค. 2568 คาดกำไรปี 2568 ลดลง YoY จากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงจากสินเชื่อที่หดตัว
แม้จะคาดว่าค่าใช้จ่ายและการตั้งสำรองจะลดลงก็ตาม แต่คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเติบโตได้จากสินเชื่อที่ฟื้นตัว
แต่การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นทำให้กำไรทำได้เพียงทรงตัว QoQ
บล.ฟิลลิปจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568 ลง และปรับราคาพื้นฐานลงมาเป็น 20 บาท ส่วนต่างลดลง
ปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น “ทยอยซื้อ”
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม