#SEAFCO #ทันหุ้น – SEAFCO ส่งซิกครึ่งหลังปี 2568 ผลงานเทิร์นอะราวด์ งานในมือแน่นกว่า 2 พันล้านบาท รอรับรู้ต่อเนื่อง พร้อมย้ำเป้าปี 2568 รายได้ราว 2 พันล้านบาท อานิสงส์ฐานธุรกิจขยายตัว แถมจัดทัพสอยงานใหม่ต่อเนื่อง อัพแบ็กล็อกเพิ่ม ด้านโบรกประเมินไตรมาส 3/2568 รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนจากทั้งรายได้และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น แนะ “ซื้อ” เป้า 3 บาท

ดร.ณรงค์  ทัศนนิพันธ์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือSEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2568 มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นบวกและเติบโตอย่างชัดเจน (เทิร์นอะราวด์) เพราะธุรกิจมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้ค่อนข้างมาก รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ในปี 2568 บริษัทยังคงประมาณการรายได้ไว้ราว 2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้ประมาณ 1.28 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมี Backlog ที่ดำเนินการส่งมอบเพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือจากส่วนอื่นๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติม

ขณะที่จากการสำรวจตัวเลขงานมือของ SEAFCO ล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 2 พันล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีแนวทางประมูลงานใหม่ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรายรับในอนาคต

*แบ็กล็อกแน่นรอบุ๊ก

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” SEAFCO ให้ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกจากการที่ SEAFCO มีปริมาณงานรอรับรู้ที่แข็งแกร่งถึง 2.7 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568 ซึ่งถือเป็นปริมาณงานสูงสุดในรอบ 25 ไตรมาส โดยจะทยอยรับรู้จนถึงกลาง ปี

2569

โดยเป็นงานค้างทั้งหมด 71% มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นหลัก ซึ่ง ประกอบด้วย 6 ช่วง มูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท โครงการนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยมีสัญญาจ้างเหมาค่าแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งให้กำไรสูงกว่าสัญญาจ้างเหมาค่าแรงและวัสดุ

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 400 คน ซึ่งเพียงพอต่อการสนับสนุน โครงการที่มีอยู่ ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะรับสมัครพนักงาน เพิ่มเติมอีกประมาณ 100 คน เพื่อเพิ่มศักยภาพ

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของ SEAFCO ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% เมื่อ เทียบกับปีก่อนจาก 1.3 พันล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานรายได้ ของเราที่ 1.55 พันล้านบาท สำหรับการประมูลโครงการที่จะเกิดขึ้นนั้นทาง SEAFCO คาดว่าโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าของโครงการมูลค่า 1.16 หมื่นล้านบาท อาจเป็นโครงการภาครัฐ 80% และโครงการภาคเอกชน 20%

ขณะเดียวกัน คาดหวังรัฐบาลเพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วง ครึ่งหลังปี 2568 เช่น โครงการทางด่วนและสะพานเชื่อมเกาะ ขณะที่การแข่งขันทางการตลาดมีแนวโน้มผ่อนคลาย

*ลุ้นไตรมาส 3 รายได้พีค

ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ารายได้จะเพิ่มได้ในไตรมาส 2/2568 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3/2568 โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งรายได้และ GPM ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญน่าจะเป็นการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม โดยการก่อสร้างเต็มรูปแบบจะเริ่มใน 3 ส่วนในไตรมาสที่ 2/2568 และขยายเป็น 5 ส่วนในไตรมาส 3/2568

นอกจากนี้ โครงการเอกชน เช่น โครงการ แพลตตินัม สแควร์ ซึ่งเริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน น่าจะช่วยสนับสนุนผล การดำเนินงานได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปริมาณคอนกรีตเฉลี่ยที่เทใน เดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 648 CBMต่อวัน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 179 CBMต่อวัน ในไตรมาส 1/2568