#bbl #ทันหุ้น – โบรกเกอร์คาดการณ์ผลการดำเนินงานของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน แต่จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/68
.
บล.เคจีไอระบุว่ากำไรในไตรมาส 2/68 จะอยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 2% YoY, +10% ในครึ่งปีแรก 2568
ธนาคารได้ทำกำไรจากการลงทุนตราสารหนี้มาช่วยพยุงชดเชยรายได้คอกเบี้ย (NII) มาตลอดในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาก แต่เนื่องจาก BBL ลดสถานะลงทุนในตราสารหนี้ลง และ เพิ่มการปล่อยกู้ในตลาดเงิน เราจึงคาดว่ากำไรจากการลงทุนจะชะลอลง และ กดดันกำไรในไตรมาส 2/68 ซึ่งเราคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านบาท (-5% QoQ แต่ +2% YoY) โดยกำไรที่ลดลง QoQ สะท้อนถึงรายได้จากธุรกิจหลักที่ลดลง 7% ซึ่ง credit cost และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (opex) ที่ลดลงอาจจะหักล้างไปกับรายได้ที่ลดลง ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY สะท้อนถึง credit cost ที่ลดลง ทั้งนี้ จากประมาณการกำไรในไตรมาส 2/68 จะทำให้กำไรใน ครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
.
บล.เคจีไอคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 155บาท
เรามองว่าแนวโน้มของ BBL ยังเผชิญความเสี่ยงในเชิงของคุณภาพสินทรัพย์จากสินเชื่อในภาคการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีการค้าของสหรัฐ ถึงแม้ว่าประมาณการกำไรในครึ่งปีแรก 2568 จะคิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา แต่แนวโน้มที่เปราะบางทำให้เรายังคงคำแนะนำถือ BBL โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 155 บาท (PBV ที่ 0.5%)
.
บล.ทรีนีตี้ คาดกำไรไตรมาส 2/68 อ่อนตัว QoQ จาก Non-NII ที่ลดลง
คาดกำไรไตรมาส 2/68 ที่ 12,303 ล้านบาท อ่อนตัว 2% QoQ แต่ยังเติบโต 4%YoY
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจอ่อนตัวเล็กน้อยตามแนวโน้ม NIM ที่ลดลง
แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากฐานในไตรมาส 1/68 ค่อนข้างสูง บวกกับภาวะตลาดในไตรมาส 2/68 ไม่ค่อยดี เป็นปัจจัยกดดันหลักในไตรมาสนี้
คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลงแต่ยังสูง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอน
ปรับลดประมาณการกำไรปี 68 ลง เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่อาจไม่ลดลงแรงเท่าที่คาดให้ราคาเป้าหมายใหม่ 177 บาท พร้อมคาดปันผลปีละ 6% ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
.
บล.ฟิลลิป คาดกำไรไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น y-y และ q-q ทำ New high: ทางฝ้ายคาด BBL จะมีกำไรไตรมาส 2/68 12.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 8.9% y-y จากการตั้งสำรองที่ลดลงมาก และคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากการลงทุน ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลุดลงก็ตาม และคาดกำไรเพิ่มขึ้น 1.9%q-q จากการตั้งสำรองที่ลดลง และรายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยด้วย
คาดกำไรงวด 6 เดือน 2568 เพิ่มขึ้น 14.1%y-y: BBL เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่ม และทำให้การตั้งสำรองในปี 68 ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะรายได้จากการลงทุน รวมไปถึงการลดลงของต้นทุนดอกเบี้ยทำให้คาดว่ากำไรงวด 6 เดือน 2568 จะเพิ่มขึ้น 14.1% y-y เป็น 25.5 พันลบ.
ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน แนะนำ "ซื้อ": ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 68 ของ BBL ไว้ที่ 47 พันลบ. เพิ่มขึ้น 4.1% y-y ยังมองว่า BBL เป็นธนาคารที่รองรับความเสี่ยงได้มากจากการที่เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่ม ยังคงราคาพื้นฐาน 169 บาทแนะนำ "ซื้อ"
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม