> Trendtalk > AWC

23 มิถุนายน 2025 เวลา 05:45 น.

TREND TALK : เจาะ AWC

#AWC #ทันหุ้น - ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่องเข้าใกล้แนวรับสำคัญของโครงสร้างในระยะยาวที่ 1,050-1,060 หากไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไป จะเสี่ยงปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1,000


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ AWC หรือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)


ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย อันประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial)


AWC เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้รวมไตรมาสนี้ อยู่ที่ 6,191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 3,417 ล้านบาท เติบโต 15.3% และมีอัตราผลตอบแทน EBITDA ต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) ของทรัพย์สินดำเนินงานเพิ่มขึ้นแตะ 10% เติบโต 13.6%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


ทั้งนี้ ผลงานที่เพิ่มขึ้น มาจากความสำเร็จของกลยุทธ์ GROWTH-LED ที่มุ่งสร้างการเติบโตจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการเร่งพัฒนาทรัพย์สินระหว่างการพัฒนา (Developing Asset) ให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating Asset) รวมถึงเร่งผลักดันทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp Up) และช่วงปรับกลยทธุ์การตลาด (Repositioning) ให้เข้าสู่ระดบการดำเนินงานปกติ (BAU) ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อเสริมพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพและรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว


บริษัทมีการขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการและกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลอย่างต่อเนื่องอาทิ โรงแรม มีเลีย พัทยาโฮเต็ล ประเทศไทย โครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช โครงการ Jubilee Prestige Tower ที่มีทั้งสำนักงานและโรงแรมเจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก ก็นับเป็นไตรมาสที่สร้างการเติบโตก้าวกระโดดด้วยจำนวนห้องกว่า 641 ห้อง เพิ่มขึ้น 10%สร้างกระแสเงินสดทันทีเสริมผลประกอบการโดยพัฒนาภายใต้แนวคิด AWC’ s Lifestyle  Destination ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้อย่างทันทีเสริมความแข็งแกร่งของมูลค่าทรัพย์สินรวมให้เติบโตสู่ 209,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2เท่า จากปี 62 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานของบริษัท ณ ไตรมาสนี้อยู่ที่ 161,567 ล้านบาท เติบโต 7% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 151,032 ล้านบาท

พร้อมเตรียมเปิด โครงการใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้ ได้แก่ โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา, โครงการ Jurassic World : The Experience และโรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการของ AWC เติบโตต่อเนื่อง สร้างรายได้รวมกว่า 3,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6,663 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้น 5.8% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 4,992 บาท เพิ่มขึ้น 6% ด้าน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการอยู่ที่ 1,497  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9%จากการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ตระดับลักซ์ชัวรี


ขณะที่ กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีรายได้รวม 2,386 ล้านบาท เติบโต 16.9% ส่วนกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,055 ล้านบาท เติบโต 17.8%

นายไพฑูรย์ วงศาสุทธิกุล หัวหน้าคณะสายงานกลยุทธ์การลงทุน AWC กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม ใช้เงินลงทุน 1แสนล้านบาท ใน 5 ปี (68-72) หรือลงทุนปีละ 20,000 ล้านบาท แต่จะใช้กลยุทธ์ปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น ชะลอลงทุนโครงการขนาดเล็ก และดำเนินการต่อเนื่องสำหรับโครงการใหญ่ที่พัฒนามาก่อนแล้ว รวมทั้งมองหาโอกาสใหม่ขยายการลงทุนเพิ่ม ซึ่ง ปี 69จะเปิดบริการโรงแรม พลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก หลังจากปีนี้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมมีเลีย พัทยา ซิตี้, คลับ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เป็นต้น


สำหรับไตรมาส 1/68 ยอมรับว่าได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากจำนววนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะชาวจีน จากสัดส่วนลูกค้าจีนจากเดิมที่มี 13%เป็นอันดับ 1 ลดเหลือ 10%แต่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่น เช่น สหรัฐ ที่เคยเป็นอันดับ 2 ในสัดส่วน 12% กลับเพิ่มขึ้นแทนมาเป็น 13% ทำให้ในปี 68บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตในตัวเลข สองหลัก


ส่วนยอดจองห้องพักล่วงหน้าในกลุ่มโรงแรมของ AWC บริษัทยังคงเห็นยอดจองห้องพักในช่วงที่เหลือของปี 68 เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัว เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้เข้ามากระทบ เช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า


ราคาหุ้นปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.80 ลงไป ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1.50 หรือ 1.20 แต่ถ้าสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1.80 จะเป็นสัญญาณฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้านที่ 2.20 และ 2.50 เป็นแนวต้านสำคัญ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

FACEBOOK :

ท้นหุ้น คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

ทันหุ้นออนไลน์ คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

YOUTUBE : Thunhoon คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok : Thunhoon คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X