#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่บริเวณ 1,190 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1,175 และ 1,160 เป็นแนวรับสำคัญ
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1. ที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและที่ดินจัดสรร อาคารชุด ในทำเลทั่วเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด 2. เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงานให้เช่า และ 3. ธุรกิจรีสอร์ตโรงแรมในต่างจังหวัด
SPALI รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 404.8 ล้านบาท ลดลง 34%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 613.64 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 0.21 บาทต่อหุ้น ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น
บริษัทมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 3,513.74 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 958.57ล้านบาท คิดเป็น ลดลง 21%แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮาส์ 66%และที่เหลือ 34% เป็นอาคารชุด สาเหตุหลักที่รายได้ลดลง เนื่องจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีการเร่งโอนกรรมสิทธิค่อนข้างมาก เนื่องจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองได้สิ้นสุดล่วงสิ้นปี
โดยในปีนี้ บริษัท มีโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ 1 โครงการ โดยจะเริ่มทยอยโอนในไตรมาสที่ 3/68 อย่างไรก็ตาม บริษัท มีโครงการอาคารชุดสร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1/68 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 868.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 87.75ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 11% เกิดจากบริษัทและบริษัทย่อยมีโครงการที่เพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทและบริษัทย่อยคิดเป็น 23.5% เมื่อเทียบกับรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 16.7% เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและรายได้รวมที่ลดลง ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเท่ากับ 131.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 131.35ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 50,519% เนื่องจากการร่วมค้าและบริษัทร่วมในประเทศออสเตรเลียมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ที่ลงทุนเพิ่มในปี 67
ต้นทุนทางการเงินเท่ากับ 189.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 44.46ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 31% เกิดจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 68อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ระดับ 62% เพิ่มขึ้นจาก ระดับ 54% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 67เนื่องจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท
บริษัทและบริษัทย่อย มียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยแล้วแต่ยังไม่ถึงกำหนดโอนให้ลูกค้า 13,240 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและสามารถรับรู้เป็นรายได้ในอีก 9 เดือนข้างหน้าในปี 68 จำนวน 8,244 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 4,996 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป
บริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stocks) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่ซื้อคืน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.14% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเป็นการเข้าซื้อในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 19พฤษภาคม ถึง วันที่ 18 พฤศจิกายน 68
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงระยะยาวที่ 14.00 หลังจากปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 15.50 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 17.00 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 14.00 ลงไป จะมีแนววรับถัดไป 13.00
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม