#ทันหุ้น - 2 โบรกเกอร์ ส่องหุ้น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD มองนำกลยุทธ์การเติบโตที่เหมาะกับสถานการณ์มาใช้ในปี 68 แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/68 คาดจะชะลอตัวลง QoQ แต่ YoY การเติบโตจะเป็นบวก เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหากราคาหุ้นย่อตัวลงมา โดยมีโครงการซื้อหุ้นคืนเป็นอีกปัจจัยช่วยจำกัด Downside ประเมินเป้ามูลค่าเหมาะ 10.10-12.00 บาท
บล.หยวนต้า สรุปสาระสำคัญหุ้น SJWD จากงานประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (19 พ.ค.) แนวโน้มธุรกิจ Automotive ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลแต่คาดฟื้นตัว YoY ต่อเนื่องหนุนจากการขยายกำลังการผลิตยานยนต์ของลูกค้า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขยายพื้นที่ในระยองและแหลมฉบังเพื่อลดค่าเช่าและขยายกำลังการรองรับรถยนต์ สำหรับกลุ่มขนส่งบริษัทวางแผนเพิ่มสัดส่วนลูกค้า SCG เป็นราว 65% จาก 60% และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งเพื่อลดต้นทุน
ผู้บริหารประเมิน Trade War จะกระทบกับการขนส่งทั่วโลก ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น <1% ของรายได้รวมเพราะสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มขนส่งในภูมิภาค คาด SJWD อาจได้ผลกระทบทางอ้อมจากลูกค้าที่ต้องย้ายฐานการผลิตและเส้นทางขนส่ง แต่บริษัทมองว่าเครือข่ายโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่ครอบคลุมจะทำให้บริษัทยังให้บริการกับลูกค้าที่เปลี่ยนแผนการดำเนินงานได้
SJWD มองเห็นโอกาสจาก Trade War ใน 1) กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าที่จะมี Demand เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนด้านเส้นทางขนส่ง และ 2) กลุ่มธุรกิจขนส่ง (Freight, Cross Border, Multimodal) ที่จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งของผู้ประกอบการ
เบื้องต้น PPSP ยังไม่มีแผนการขายเพิ่มเติมในปีนี้ทำให้คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง QoQ อยู่ในระดับ 100 ลบ. +/- ในช่วงที่เหลือของปี แต่ยังเติบโต YoY ตามแนวโน้มธุรกิจขนส่งใน ภูมิภาค
แนวโน้ม SG&A ในช่วงที่เหลือของปีคาดอยู่ระดับใกล้เคียงกับ Q1/68 นอกจากนี้ SJWD มีการเจรจาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอยู่ระหว่างพิจารณาจ่ายหนี้เพิ่มเติม (Q1/68 จ่ายไปแล้ว 500 ลบ.) เพื่อลดต้นทุนการเงิน
SJWD ขยายโครงการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องด้วย 1) การลงนามสัญญางานขนส่งและคลังสินค้ากับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในเวียดนาม 2) งานขึ้นส่งทุเรียนข้ามพรมแดนจาก ไทยอาเซียน-จีน ร่วมกับ Ruiyun จากจีนตั้งแต่ 18 เม.ย. 3) SCGJWD Freight ขยายบริการศุลกากรในฐานะ NSP (National Single Window Service Provider) และ 4) การลง MOU เพื่อผลิตเชื้อเพลิงขยะมูลฝอยเพื่อใช้ในโรงงานของ SCG
คาด Alpha จะทำการขายสินทรัพย์ (คลังสินค้า) เข้ากอง REIT ราว 3-4 โครงการ เบื้องต้นวางแผนขาย 1 โครงการใน Q3/68 มูลค่าราว 600-800 ลบ.
*มุมมองฝ่ายวิจัย
มองบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดกำไรปกติกลับมาเติบโต 23% YoY ที่ 965 ลบ. จากการ 1) รับรู้ Synergy หลังควบรวมมากขึ้น 2) บริหารต้นทุนการดำเนินงาน และ 3) ขยายบริการในภูมิภาคร่วมกับพันธมิตร แม้คาดกำไรปกติ Q2/68 ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและจากส่วนแบ่งกำไรที่ไม่มีกำไรขายที่ดินจาก PPSP แต่ประเมินอัตราการทำกำาไรที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มขนส่งและแผนการลดต้นทุนในกลุ่มจะเป็น Catalyst ผลักดันให้กำไรมีโอกาส เติบโต YoY ได้ตั้งปี
จากงบ Q1/68 ที่ออกมาดีกว่าคาดมากทำให้ประมาณการของฝ่ายวิจัยและตลาดเฉลี่ยที่ราว 960 ลบ. อาจมี Upside แต่เบื้องต้นคงประมาณการจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่หาก รุนแรงขึ้นอาจกดดันให้การขนส่งในภูมิภาคชะลอตัวลง ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 10.10 บาท และเลือก SJWD เป็น Top Pick ของกลุ่มขนส่งใน Q2/68
ราคาหุ้น QTD ปรับตัวขึ้นมา 26% ประเมินสะท้อนงบ Q1/68 ไปมากแล้ว เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหากราคาหุ้นย่อตัวลงมา โดยมีโครงการซื้อหุ้นคืนเป็นอีกปัจจัยช่วยจำกัด Downside
ด้าน บล.กสิกรไทย มอง SJWD นำกลยุทธ์การเติบโตที่เหมาะกับสถานการณ์มาใช้ในปี 68 โดยการกระจายความเสี่ยงเป็นปัจจัยที่ทำให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ โดยบางหน่วยธุรกิจจะได้รับผลกระทบ แต่บางหน่วยธุรกิจจะได้รับประโยชน์การควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดและการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของธุรกิจที่มีอยู่มากกว่าการลงทุนใหม่จะช่วยกระตุ้นกำไรได้อย่างมาก อัตรากำไรจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของเติบโตในปี 68
คงคำแนะนำ “ซื้อ” และเป้าหมายปี 68 ที่ 12.0 บาท แม้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 จะชะลอตัวลง QoQ แต่ YoY การเติบโตจะเป็นเชิงบวก โดย อัตรากำไรขั้นต้นที่ทรงตัวสูงจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาหุ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม