#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,230 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,220 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบมีแนวต้านถัดไปที่ 1,240 แต่ถ้าปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,200 จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,160
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ GPSC หรือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภคต่างๆ นอกจากนี้้ บริษัท ดำเนินธุรกิจในลักษณะการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ สาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงธุุรกิจ New S-curve ได้แก่ ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ และธุรกิจที่่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
GPSC รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรไตรมาสนี้ที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจาก เงินปันผลรับและส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และการร่วมค้า จํานวน 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105 ล้านบาท (ไตรมาสที่ 1/67 : 16 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจาก โรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) มีผลประกอบการดีขึ้น จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ลานีญา
ส่วน โรงไฟฟ้าอวาด้า (AEPL) มีผลประกอบการ ดีขึ้นตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามค่าความเข้มแสงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีโครงการที่เริ่มดําเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น
ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลม CFXD มี ผลประกอบการลดลง จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหลังจากการดําเนินการเชิงพาณิชย์เต็มจํานวนในเดือนมกราคม 68 ขณะที่ รายได้จากการจําหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีกําลังการผลิตที่ดีขึ้นจากการเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์จาก 30 ต้น จากในไตรมาสที่ 1/67 เป็นจํานวน 62 ต้นใน Q1/68 อย่างไรก็ตามกังหันลมบางส่วนจํานวน 28 ต้นเดินเครื่องไม่เต็มประสิทธิภาพและอยู่ ระหว่างการซ่อมบํารุงที่อยู่ใต้การรับประกันผลงานจากผู้รับเหมา
ส่วน บริษัท ไทย โซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด (TSR) มีผลประกอบการลดลง 44 ล้านบาทจาก 64 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/67 เป็น 20 ล้านบาท จากราคาขายไฟฟ้าปรับลดลงเนื่องจาก Adder หมดอายุทั้งหมดในเดือนมิถุนายนปี 67
ด้านค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จํานวน 67 ล้านบาท ลดลง 73 ล้านบาทหรือ 52% สาเหตุหลักเนื่องจากรายการปรับปรุงภาษีเงินได้รอ ตัดบัญชีเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 1/68 ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย จํานวน 2,324 ล้านบาท ลดลง 71 ล้านบาทหรือ 3% สาเหตุหลักมาจากค่าตัดจําหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW ลดลงตามอายุสัญญา ต้นทุนทางการเงิน จํานวน 1,380 ล้านบาท ลดลง 41 ล้านบาทหรือ 3% ตามเงินกู้ยืมของกลุ่มกิจการที่ลดลงจากการจ่ายชําระคืนเงินกู้ตามแผน
สำหรับกําไร ขั้นต้น จํานวน 5,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือ 1% สาเหตุหลักมาจาก โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น 221 ล้านบาท จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินลดลง ประกอบกับความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทําให้กําไรผันแปร (Margin) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ผลการดําเนินงานในส่วนของ โรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง 167 ล้านบาท สาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ได้รับค่าเชื้อเพลิงส่วนต่างลดลง (Energy Margin) ลดลง เนื่องจากในไตรมาสที่ 1/68 รายได้ค่า ถ่านหินที่สามารถเรียกเก็บจาก กฟผ. ต่ำกว่าต้นทุนถ่านหินของบริษัท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/67
ขณะที่ขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนสุทธิ จํานวน 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท (ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 : กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3 ล้านบาท) จากค่าเงิน บาทแข็งค่า ส่งผลให้เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าลูกหนี้ตามสัญญาเช่าทางการเงินของโรงไฟฟ้าศรีราชาและโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านที่ 32.00 กลับขึ้นไป หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 25.00 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 36.50-37.00 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ต่อเนื่อง จะมีแนวต้านถัดไปที่ 42.00
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม