#AWC #ทันหุ้น-โบรกเกอร์ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC หลังจากที่รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1.97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และเพิ่มขึ้น 6% QoQ แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรหลักอยู่ที่ 748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และเพิ่มขึ้น 9% QoQ ซึ่งมีบางโบรกเกอร์ได้ปรับลดคำแนะนำและราคาเป้าหมายลง เพื่อสะท้อนถึงการท่องเที่ยวของไทยที่ชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของ AWC ได้
บล.กรุงศรี แนะนำถือในหุ้น AWC โดยระบุว่ากำไรหลักงวดไตรมาส 1/68 ของ AWC เป็นไปตามคาด หลังการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการกำไร เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการจองโรงแรมที่ชะลอลงจากแรงกดดันในภาคการท่องเที่ยว รวถมึงแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนที่ปรับใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้หนี้มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งได้ปรับลดประมาณการกำไรสำหรับปี 2568-2569 ของ AWC ลง โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรเฉลี่ยปีละ 11% และการเติบโต EBITDA โต 10% ซึ่งยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายสองหลักของบริษัท
ปัจจุบันหุ้น AWC ซื้อขายที่พี/อี เรโช ปี 2568 ที่ 33 เท่า และ EV/EBITDA ที่23 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่ 20 เท่า และ10 เท่าตามลำดับ สะท้อนว่าราคาหุ้นได้สะท้อนการเติบโตไว้พอสมควรแล้ว โดยได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 2.30 บาท จากเดิมอยู่ที่ 2.50 บาท
บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) ได้ปรับลดคำแนะนำหุ้น AWC เป็นถือ จากเดิมแนะนำซื้อ พร้อมทั้งปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.20 บาท จากเดิมอยู่ที่ 4.20 บาท เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการชะลอตัวของการท่องเที่ยวในไทย โดยคาดว่ารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ (RevPAR) จะทรงตัวในปี 2568 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มประมาณการค่าใช้จ่ายลงทุน (Capex) สำหรับปี 2568-2570 เป็น 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี(จากเดิม 1 หมื่นล้านบาท) เนื่องจาก AWC มีแผนเพิ่มจำนวนห้องพักขึ้น 39% เป็น 8,358 ห้อง ภายในปี 2570
ทั้งนี้ผู้บริหารยอมรับว่าอาจมีการชะลอตัวของอุปสงค์ในตลาด MICE ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี2568 (โดยโรงแรม MICE คิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้จากโรงแรมทั้งหมด) แม้จะมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในต่างจังหวัดและมีการควบคุมต้นทุน แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE และ RevPAR ที่ลดลงในกรุงเทพฯ ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์จึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-69 ลง 29-31% ปัจจุบัน AWC ซื้อขายที่ระดับ P/E ปี 2568 ที่สูงถึง 32เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มท่องเที่ยวไทยที่ 22 เท่า ความเสี่ยงหลักของ AWC ได้แก่ การลงทุนมากเกินไปในสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และอุปทานโรงแรมและสำนักงานที่เพิ่มขึ้น
บล.ทิสโก้ ระบุว่าผลดำเนินงานไตรมาส 1/68 ของ AWC สอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิจัยและ Bloomberg ความแตกต่างหลักคือ รายได้จากกลุ่มโรงแรมที่ต่ำกว่าคาด แต่ชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ต่ำกว่าคาด โดยเชื่อว่าโรงแรมของ AWC ยังคงมีผลดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากโรงแรมใหม่ที่เพิ่มขึ้นและเชื่อว่า RevPAR ควรมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ" ในหุ้น AWC โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 5.00 บาท เนื่องจากสินทรัพย์ใหม่ควรเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งจากความต้องการในตลาดระดับ high-end
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2568 ของ AWC อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 5% ซึ่งมีความกังวลได้แก่การดำเนินงานที่ชะลอตัวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภาระต้นทุนเริ่มแรกจากโครงการใหม่ และมุมมองที่ระมัดระวังต่อความต้องการเดินทางสืบเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ยังคงคำแนะนำ ถือหุ้น AWC ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.74 บาท
บล.บัวหลวง ระบุว่า AWC มีกำไรหลักไตรมาส 1/68 เป็นไปตามคาด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดว่าจะทรงตัว YoY แต่ลดลง QoQ และยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2568 และมองว่าการลงทุนที่สูง และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง คาดว่ามีผลต่อ AWC ในโรงแรมที่กรุงเทพ ,เชียงใหม่ และ MICE จึงมีมุมมองระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานที่ 2.50 บาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม