GULF +2.65% จ่อแจ้งผลงาน Q1/68 โบรกคาดกำไรกว่า 5 พันลบ.

#gulf #ทันหุ้น - บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โบรกเกอร์คาดว่าจะแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 ในวันที่ 8 พ.ค. โดยโบรกเกอร์คาดว่า จะมีกำไรสุทธิ กว่า 5 พันล้านบาท กำไรจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY สำหรับ IAA Consensus โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” 13 ราย แนะนำ “ถือ” 1 ราย ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 45.00-70.25 บาท มีค่ากลาง (Median) 60.50 บาท

การซื้อขายหุ้น GULF วันที่ 7 พ.ค.68 ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 48.00-48.75 บาท เมื่อเวลา 11.21 น. ราคาอยู่ที่ 48.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.65% มูลค่าการซื้อขาย 559.94 ล้านบาท

โบรกเกอร์มีมุมมองและการคาดการณ์ผลงานไตรมาส 1/68 ของ GULF ดังนี้

บล.ฟินันเซียไซรัสระบุว่า GULF มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มเติมในอนาคต คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น 837 เมกะวัตต์, กำไรที่แข็งแกร่งของ INTUCH และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

บล.ฟินันเซียไซรัสยังเชื่อว่า GULF มีกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะเติบโต 19.7% จากปีก่อน

บล.ฟินันเซียไซรัสประเมินราคาเป้าหมายตามวิธี Sum-of-the-Parts (SoTP) อยู่ที่ 57.70 บาท

บล.กรุงศรีคาดกำไรเติบโต y-y, q-q บล.กรุงศรีมอง Neutral ต่อกำไรปกติไตรมาส 1/68 ของ GULF ที่ 5,171 ลบ. (+25% y-y, +9% q-q) โดยกำไรปกติดังกล่าวยังไม่รวมผลของการควบรวม INTUCH ที่จะเข้ามาในไตรมาส 2/68 เติบโต y-y. q-q จากการ COD โรงไฟฟ้าในไตรมาส 1/68 ได้แก่โรงไฟฟ้าหินกองเฟส 2 ขนาด 700MW และโรงไฟฟ้าโซล่าร์ 295 MW คาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 เติบโต y-y จากโรงไฟฟ้าที่ COD ในไตรมาส 1/68 ทรงตัว q-q โดยแม้จะมีส่วนแบ่งกำไรลดลงตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าลมในเยอรมัน และโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐทว่าคาดถูกหักล้างด้วยตารางปิดซ่อมซึ่งเบาบางกว่าไตรมาส 1/68 และความต้องการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อนของไทย คงคำแนะนำ Buy บนราคาเหมาะสมเดิมที่ 56.50 บาท ภายใต้วิธี SOTP โดยคาด GULF จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 วันที่ 8 พ.ค.

บล.เคจีไอระบุว่า GULF เตรียมรายงานกำไรหลักไตรมาส 1/2568 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.1 พันล้านบาท ได้รับแรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตของ GPD หน่วยที่ 3-4 และ HKP หน่วยที่ 1-2 ร่วมกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นของ Intouch และการขาดทุนที่ลดลงจากโครงการ Jackson

ครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มที่ดีจากโครงการใหม่ ๆ และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง แม้จะมีแรงกดดันระยะสั้นจากราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นและภาระภาษีที่อาจส่งผลต่อกำไรในไตรมาส 2/2568 แต่ GULF กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การเติบโตในระดับปานกลาง โดยเน้นการทำกำไรในระยะยาว

บล.เคจีไอยังคงคำแนะนำ “Outperform” พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 54.00 บาท จากเดิม 63.00 บาท สะท้อนการปรับเปลี่ยนตามโครงการและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

บล.เอเซียพลัสคาดกําไรสุทธิไตรมาส 1/68 ของ GULF (ยังไม่รวมผลจากการควบรวมกับ INTUCH) เพิ่มขึ้น 36.9%qoq มาอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาทหนุนหลักจากรายการพิเศษที่คาดจะบันทึกกลับเป็นกําไร Fx และตราสารอนุพันธ์สุทธิ 138.5 ล้านบาท จากเดิมขาดทุน 858.2 ล้านบาท

อีกทั้ง คาดกําไรปกติเพิ่มขึ้น 9.3% qoq มาอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท ขึ้นทําระดับสูงสุดรายไตรมาสเป็นประวัติการณ์หนุนจากปริมาณขายไฟฟ้าให้ภาครัฐที่ฟื้นตัว รวมถึงรับรู้โครงการหินกองเฟส 2 (377.3 MWe) และsolar ( 295 MWe) ในไตรมาสแรกเป็นหลัก

ส่งผลให้กําไรปกติ ไตรมาส 1/68 คิดเป็น 24.5%ของประมาณการกําไรปี 2568 ที่ประเมินไว้

ภาพทั้งปี 2568 คาดคาดกําไรปกติเติบโต 15.3% yoy มาอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท หนุนจากรับรู้โครงการเดิม 1.6 พัน MWe เต็มปี และรับรู้โครงการใหม่ๆรวม 731.6 Mwe

ช่วงสั้นไตรมาส 2/68 คาดกําไรปกติลดลง QoQ กดดันหลักจากส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วมที่ลดลง จากทั้งกระแสลมในไทยและเยอรมนีที่อ่อนตัวตามฤดูกาล และอัตรากําไรของกลุ่มโรงไฟฟ้าSPP ที่คาดลดลงต่อเนื่องตามแนวโน้มราคาก๊าซฯที่สูงขึ้น และค่า Ft ที่ลดลง

เบื้องต้นยังคงประมาณการและราคาเหมาะสมปี 2568 ของ GULF ที่ 68.25 บาท/หุ้นโดยยังอยู่ระหว่างรอการปรับปรุงตัวเลขทางบัญชีของงบการเงินงวด ไตรมาส 1/68 จาก GULF เพื่อรวมผลจากการควบรวมกับ INTUCH ซึ่งจะเริ่มมีผลใช้ตั้งแต่งวดไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป

GULF โดดเด่นด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งระยะสั้น และระยะยาว อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับฐานลงจนเห็น upside เปิดกว้างมากมองเป็นจังหวะเข้าสะสมลงทุนระยะยาว