> SET > SAMART

04 พฤษภาคม 2025 เวลา 11:00 น.

"SAMART" คัมแบ็ก! แรงหนุน SAMTEL-SAV-SDC ฟื้น

#ทันหุ้น -  บล.กสิกรไทย ส่องหุ้น บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART จะเติบโตได้ดีภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ในช่วงที่การเมืองมีเสถียรภาพ ฝ่ายวิจัยพบว่าการดำเนินงานของ SAMART มีแนวโน้มเติบโตในแง่ของความสามารถในการทำกำไร โดยตั้งแต่ปี 2553 ถึง 2557 ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำไรของ SAMART พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.47 พันลบ. และ 1.48 พันลบ. ในปี 2556-57 จากผลการดำเนินงานในระดับสูงสุดของบริษัทย่อยอย่าง SAMTEL และ SAMART Imobile ดังนั้น ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรของ SAMART จะพุ่งแตะระดับ 650 ลบ. 736 ลบ. และ 836 ลบ. ในปี 2568-70 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ช่วง 3 ปีที่ 84.6% การเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก SAMTEL และ SAV 


ทั้งนี้ การกลับมาของ SAMTEL ฝ่ายวิจัยคาดว่า SAMTEL (SAMART ถือหุ้น 70%) จะเป็นหนึ่งในส่วนเสริมกำไรหลักในปีต่อๆ ไป เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จาก backlog ที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น โดยผู้บริหาร SAMART ระบุว่า SAMTEL ได้รับ backlog มูลค่า 1 หมื่นลบ. สำหรับปี 2568-69 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดว่า SAMTEL จะรับรู้รายได้และกำไรที่ 6.012 พันลบ. 7.357 พันลบ. และ 8.096 พันลบ. และ 171 ลบ. 197 ลบ. และ 211 ลบ. ในปี 2568-70 ตามลำดับ คัดเป็นส่วนแบ่งกำไรของ SAMART ที่ 18.5% 18.8% และ 17.7% ในปีดังกล่าว 


SAV เป็นบริษัทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง SAV ถือเป็นบริษัทที่สร้างรายได้มหาศาล เนื่องจากเป็น ANSP (ผู้ให้บริการเดินอากาศ) รายเดียวในอาณาเขตแถลงข่าวการบินพนมเปญ (FIR) โดยถือสิทธิการดำเนินงานระยะยาวแต่เพียงผู้เดียวจนถึงเดือน ต.ค.2594 หรืออีก 28 ปีข้างหน้า ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรของ SAV จะมี CAGR ในช่วง 3 ปี (ปี 2567-70) ที่ 14.5% ซึ่งขับเคลื่อนโดยรายได้ที่แข็งแกร่งจากทั้งบริการตรวจสอบไฟลท์บินทั้งขาขึ้นและขาลง รวมถึงการตรวจสอบการบินผ่าน ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ของ SAV ปี 2568-70 จะอยู่ที่ 393 ลบ. 448 ลบ. และ 516 ลบ. หรือสัดส่วนกำไรที่ 60.4% 60.9% และ 61.7% 


SDC มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยคาดว่า SDC (SAMART ถือหุ้น 67%) จะมีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวในปีต่อๆ ไป หลังจากคดีความที่ถูกตัดสินแล้วและยุติลง และไม่มีการตั้งด้อยค่าเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจวิทยุกระจายเสียงดิจิทัล ฝ่ายวิจัยคาดว่า SDC จะรายงานกำไรที่ 39 ลบ. 62 ลบ. และ 82 ลบ. ในปี 2568-70 เนื่องจากมีการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอและไม่มีการตั้งสำรองต้นทุนเพิ่มเติม ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจะอยู่ที่ 4% 5.7% และ 6.6% ในปี 2568-70 


ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเริ่มต้นบทวิเคราะห์หุ้น SAMART ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 อิงด้วยวิธี SOTP ที่ 8.04 บาท


สำหรับบริษัทย่อย 1) ประเมินมูลค่าหุ้น SAMTEL ที่ 1.79 บาท/หุ้น โดยใชวิธี PER 2) ประเมินมูลค่าหุ้น SDC ที่ 0.22 บาท/หุ้น โดยใชวิธี PBV 3) สำหรับหุ้น SAV ที่ 9.08 บาท/หุ้น โดยอิงจากราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 19.23 บาท 4) หลังจากรวมมูลค่าบริษัทโฮลดิ้งแล้ว ฝ่ายวิจัยใช้ส่วนลดการถือหุ้น 30% ทำให้ได้มูลค่าหุ้นที่ 7.76 บาท 5) ประเมินมูลค่าธุรกิจหลักของ SAMART ที่ 1.22 บาท โดยใช้วิธี PER และหักมูลค่าหุ้นสินสุทธิต่อหุ้นที่ 1.81 บาทออก และ 6) ประเมินมูลค่าศักยภาพในการสร้างมูลค่าของ SAMTEL ที่ 0.87 บาท


โดยเห็นว่า SAMART เป็นหุ้นที่พลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง เนื่องจากฝ่ายวิจัยเชื่อว่ามูลค่าหุ้นล่าสุดนั้นสมเหตุสมผลจากการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยหุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568-69 ที่ 10.5 เท่า และ 9.2 เท่า เทียบกับ CAGR ของกำไรในช่วง 3 ปีที่ 84.6% หากฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าหุ้นด้วย NAV ราคาตลาดปัจจุบันที่ 6.85 บาทจะให้ส่วนลด 19% จากมูลค่าที่เป็นไปได้ต่อหุ้นของ SAMART ที่ 8.40 บาท


ด้านปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1) การรับรู้ backlog ที่ล่าช้าจาก SAMTEL 2) การต่ออายุสัมปทาน SAV 3) ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากคดีความ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X