#EA #ทันหุ้น – บิ๊ก EA รับมาตรการรัฐหักค่าใช้จ่ายซื้ออีวีพาณิชย์ 2 เท่า ทำตลาดรถบรรทุกอีวีคึก เสมือนลดราคาอีวีใกล้เคียงรถบรรทุกสันดาป แต่ใช้งานคุ้มค่ากว่า รับเจรจารายใหญ่ซื้อรถอีวีอยู่ช่วยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เล็งให้เช่า รับประโยชน์ภาษีเองด้วย มั่นใจระบายสต็อกพันคันได้ในไตรมาส 3 ดันงบฟื้นเหตุตั้งด้อยค่าไปแล้ว

จากกรณีที่รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจ ซึ่งจะอนุญาตให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับรถนำเข้าสำเร็จรูป และสูงสุดถึง 2 เท่า สำหรับรถที่ผลิตหรือประกอบในประเทศไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2568-31 ธันวาคม 2568 รัฐบาลคาดว่ามาตรการนี้จะช่วยสนับสนุนให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 คัน โดยแบ่งเป็นรถโดยสารไฟฟ้า 6,000 คัน และรถบรรทุกสินค้า 4,000 คัน

@ EA ชี้ช่วยราคาอีวีใกล้สันดาป

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด และรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งรสบัส และรถบรรทุกสินค้า เปิดเผย "ทันหุ้น" ว่า ถือเป็นข่าวดีครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (EV) โดยเฉพาะ EA ที่มีโรงงานประกอบการ EV เชิงพาณิชย์ในประเทศไทย ผ่าน บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ทำให้ผู้ซื้อรถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ จะสามารถลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า ในขณะที่ รถที่นำเข้า จะลดหย่อนได้ 1.5 เท่า  

เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ประกอบการที่ต้องการรถ EV เชิงพาณิชย์ ไม่นิยมซื้อรถนำเข้าเนื่องจากกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง ทำให้ตลาดรถ EV เชิงพาณิชย์ที่นำเข้ายังเติบโตได้ไม่มากนัก 

มาตรการลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลออกมา จะช่วยลดช่องว่างของราคารถบรรทุก EV เมื่อเทียบกับและรถบรรทุกสันดาปภายใน (ICE) โดยยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า ปัจจุบันรถหัวลาก EV มีราคาขายอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท ในขณะที่รถ ICE มีราคาประมาณ 3.2 ล้านบาท 

การลดหย่อนภาษี 2 เท่าจะทำให้รถหัวลาก EV มีส่วนลดประมาณ 20% ซึ่งในกรณีรถ 4.5 ล้านบาท จะเท่ากับมีส่วนลดประมาณ 900,000 บาท ทำให้ราคารถ EV ลดลงมาเหลือ 3.6 ล้านบาท ใกล้เคียงกับราคารถ ICE มากยิ่งขึ้น แต่ EV จะมีความคุ้มค่าในการใช้งานที่ประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงได้สูงกว่ามาก

"สมมติรถราคา 1 ล้านบาท ปกติจะตัดค่าเสื่อมได้ 5 ปี ปีละ 200,000 บาท ซึ่งเมื่อนำไปคำนวณภาษีนิติบุคคลที่ 20% จะประหยัดภาษีได้จริงเพียง 40,000 บาทต่อปี หรือร่วม 200,000 บาทในระยะเวลา 5 ปี แต่เมื่อมีการลดหย่อนภาษี 2 เท่า จะทำให้สามารถตัดค่าเสื่อมได้ปีละ 400,000 บาท หรือประหยัดภาษีได้ 80,000 บาทต่อปี นั่นหมายความว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อรถ EV ประหยัดเงินภาษีได้เทียบเท่าประมาณ 20% ของราคารถ"

@กระตุ้นดีมานด์

มาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนรถอยู่แล้ว หันมาพิจารณารถ EV มากขึ้น ภาครัฐเองก็คาดหวังว่าในปีนี้จะมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 คัน หรือราว 10% ของการจดทะเบียนรถเชิงพาณิชย์ ดังนั้นบริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถระบายสต็อกได้ จากปัจจุบันบริษัทมีสต็อกรถ EV เชิงพาณิชย์อยู่ประมาณ 1,000 คัน แบ่งเป็นรถหัวลากประมาณ 500 คัน และรถบัสประมาณ 400-500 คัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถหัวลาก ซึ่งมีความต้องการจดทะเบียนใหม่ปีละหลายหมื่นคันอยู่แล้ว

นายวสุ ยอมรับว่า ปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ดำเนินธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมมีความสนใจที่จะซื้อรถหัวลากอีวีไปเพื่อบริการโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการขายขาด ดังนั้นการที่มีนโยบายด้านนี้จะช่วยทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้นเพราะผู้ซื้อจะได้หักค่าใช้จ่าย 2 เท่า 

ขณะเดียวกัน EA ยังมีรูปแบบการให้ให้บริการเช่ารถอีวีเชิงพาณิชย์ โดยมีการสร้างสถานีชาร์จสำหรับอีวีเชิงพาณิชย์ ดังนั้นการให้บริการเช่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการหักค่าใช้จ่าย 2 เท่าเอง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเช่ารถถูกลงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ 

"มีผู้สนใจและความต้องการรถอีวีหัวลากจำนวนมาก เป็นลูกค้ารายใหญ่และมีศักยภาพทางการเงิน ที่ผ่านมาได้ให้ทดลองใช้รถ EV ไปแล้ว ทำให้กลุ่มผู้สนใจมั่นใจในเทคโนโลยีและศักยภาพในการประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถให้เช่าและรับประโยชน์ทางภาษีเองได้ด้วย"

@ช่วยดึงต่างชาติลงทุน

นายวสุ กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐนี้จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีฐานตลาดในประเทศ (Domestic Demand) ที่แข็งแกร่ง และมีห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทำให้บริษัทสามารถที่จะหาพันธมิตรรถอีวีระดับโลกเข้ามาร่วมธุรกิจตามเจตนารมณ์ได้มากขึ้น 

ขณะเดียวกันบริษัทได้เคลียร์ภาระต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา มีการตั้งด้อยค่าครั้งใหญ่สำหรับสต็อกอีวีแล้ว การระบายสต็อกจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น