#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,190-1,200 หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,160 แต่เราแนะนำให้รอการปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1,208 ขึ้นไป จะเป็นสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านที่ 1,230 และ 1,260
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ COCOCO หรือ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกะทิ น้ำมะพร้าว มะพร้าวแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารเพื่อสุขภาพรวมถึงชีสและเนยจากโปรตีนพืช
ผลการดำเนินงาน ปี 67 มีกำไร 686 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.47 บาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน ปี 66 มีกำไร 540 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.44 บาท
COCOCO รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 67 มีรายได้รวม 6,619.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 686.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีรายได้เติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของตลาดน้ำมะพร้าวในประเทศจีนที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มตลาดเครื่องดื่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัว ประกอบกับบริษัทใช้กลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ น้ำมะพร้าว กะทิ และอาหารสัตว์เลี้ยง มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านต้นทุนขายและบริการในปี 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.27% โดยเป็นผลจากยอดขายผลิตภัณฑ์กะทิที่ขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บริษัทต้องจัดหาวัตถุดิบเพิ่มเติมในราคาที่สูงขึ้นจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิต แม้บริษัท จะมีการสำรองวัตถุดิบล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
กำไรสุทธิปี 2567 เพิ่มขึ้นตามยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด แต่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567กำไรสุทธิลดลง โดยเป็นผลชั่วคราวมาจากการขายผลิตภัณฑ์กะทิที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้บริษัท ต้องมีการซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตกะทิเพิ่มเติมโดยมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้น จากปัจจัยต้นทุนขายและบริการ ส่งผลให้ต้นทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับในไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงฤดูหนาว (Low Season) ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม COCOCO ให้ความสำคัญ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนบริหารจัดการไว้ในระยะยาว
สำหรับในปี 67 บริษัท มีสัดส่วนการส่งออก 87.69% ของรายได้จากการขายและบริการ โดยมียอดขายในภูมิภาคอเมริกาเพิ่มขึ้น 48.55% ภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น 47.58% ภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 29.14% ภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้น 21.63% และภูมิภาคแอฟริกาเพิ่มขึ้น 17.10% นอกจากนี้ บริษัท ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตเพิ่มขึ้นของปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่เป็นสินค้ายอดนิยมของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ อย่างไรก็ตาม COCOCO เดินหน้าขยายตลาดทั่วโลก พร้อมพัฒนากลยุทธ์บริหารต้นทุน หวังเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
นายวรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยในงาน Opportunity Day ในวันนี้ว่า ในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท ในปี 69 หลังจากเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเดินหน้าขยายตลาด เจาะตลาดใหม่ๆ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยยืนยันว่า ในระยะยาวบริษัทยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 68 บริษัทเดินหน้าขยายตลาดทั่วโลก พร้อมพัฒนากลยุทธ์บริหารต้นทุน หวังเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว รวมถึงกลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ น้ำมันพร้าว กะทิ และอาหารสัตว์เลี้ยง มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/67 บริษัทจะมีการออกงานแสดงสินค้า (Exhibition) ในสหรัฐ ญี่ปุ่น ยูเออี เม็กซิโก อินเดีย รวมถึงไทย ด้วย สำหรับความคืบหน้าการเปิดโรงงานกะทิ และน้ำมะพร้าวในฟิลิปปินส์ มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาทนั้น โดยคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในต้นปี 69 หรือ ภายในไตรมาส 1/69 สำหรับสาเหตุที่เลือกฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีมะพร้าวค่อนข้างสูง ถึง 20ล้านตันต่อปี โดยในอนาคต จะไม่ประสบปัญหาเรื่องราคาสินค้าหรือสินค้าขาดแคลน ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวเสริมที่ทำให้ต้นทุนดีขึ้น
การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ จะช่วยขยายการเติบโต โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้ในอนาคต ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ บริษัท จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและการรักษาคุณภาพสินค้า เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับโลกได้ สะท้อนมายังผลการดำเนินงานที่คาดมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต ซึ่งเมื่อโครงการในฟิลิปปินส์แล้วเสร็จ จะส่งผลให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิเพิ่มขึ้นเป็น 155,000 ตันต่อปี จากเดิม 99,000 ตันต่อปี
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณจุดต่ำสุดเดิม 7.00 หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับที่ 10.50 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 7.90-8.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 8.40 และ 9.00 แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 6.90 ลงไป จะมีแนวรับถัดไป 6.50 และ 6.00
ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม