#HTC #ทันหุ้น - HTC ปักเป้าปี 2568 รายได้แตะ 8.7 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าโต-โปรดักต์ใหม่หนุน พร้อมเล็งควักงบกว่า 500 ล้านบาท อัพเกรดไลน์ผลิต ปูทางรับทรัพย์เพิ่ม แถมบอร์ดไฟเขียวปันผลอีกหุ้นละ 0.57 บาท กำหนด XD ช่วง 30 เมษายนนี้

พล.ต.พัชร  รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า ในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้รวมที่ 8,700 ล้านบาท เติบโตราว 5-7% จากปี 2567 หลังธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มเติม ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

“เราเชื่อมั่นว่าปี 2568 จะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของหาดทิพย์ โดยจากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจภาคใต้จะขยายตัวมากขึ้นในช่วง 3.1-4.1% จากผลผลิตเกษตรที่กลับมาขยายตัว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการผลิตเพื่อส่งออกจะขยายตัวตาม อุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย” พล.ต พัชรกล่าว

ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้ บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาการปฏิบัติการในตลาดให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่องทางที่กำลังเติบโตรวดเร็วอย่างกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ (HoReCa) ซึ่งมีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ขวดแก้วคืนขวดรุ่นใหม่ของ HTC และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากกระแสการลดใช้พลาสติกของลูกค้าและลุคที่ดูพรีเมียมของขวดแก้วซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่คู่แข่งหลักของบริษัทไม่มี ล่าสุดได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ “โค้ก” ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ควักงบเสริมแกร่ง

ขณะที่งบลงทุนปี 2568 ทาง HTC วางไว้ประมาณ 6% ของยอดขายหรืออยู่ที่กว่า 500 ล้านบาท ใช้สำหรับการปรับปรุง (รีโนเวต) โรงงานและเครื่องจักรในกระบวนการผลิตต่างๆ หวังเสริมศักยภาพการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ในส่วนของแผนงานระยะกลางและระยะยาว บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายการเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Ready-to-Drink : NARTD) ในพื้นที่ภาคใต้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในพื้นที่ภาคใต้ได้ที่ 25% และมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนนี้ให้ได้ถึง 30% ภายในปี 2570 และ 35 % ภายในปี 2575 ตลอดจนกลายเป็นอีกปัจจัยช่วยสนับสนุนให้รายได้ขยับไปแตะ 15,000 ล้านบาทในปี 2575 ด้วย

แจกปันผล

ขณะเดียวล่าสุดคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปี 2567 ในอัตรา 0.57 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่อัตรา 0.48 บาทต่อหุ้น เท่ากับบริษัทได้จ่ายเงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 ในอัตรา 1.05 บาทต่อหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับ 6% หลังปี 2567 บริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำหนดขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิ์ปันผล (XD) วันที่ 30 เมษายน 2568 และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 (ในปี2567 บริษัทสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ในอัตรา 4% จากปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือประมาณ 0.6 % เมื่อเทียบกับปี 2566)

พล.ต. พัชร กล่าวเสริมว่า ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังให้ความสำคัญกับนโยบายด้านความยั่งยืนเพื่อมุ่งสร้างธุรกิจที่เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทนให้ได้ถึง 25% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในกระบวนการผลิต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 ส่วนเป้าหมายความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์นั้น 

นอกจากการมุ่งสร้างธุรกิจขวดแก้วให้เติบโตเพื่อลดการพึ่งพาบรรจุภัณฑ์พลาสติกแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับโคคา-โคล่าและองค์กรพันธมิตรเพื่อจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ในพื้นที่ภาคใต้และนำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ (Collection for Recycling) โดยในขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับโคคา-โคล่า และองค์กรพันธมิตรเพื่อกำหนดเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ภายในปีนี้