17 มีนาคม 2025 เวลา 06:05 น.
บัวหลวง ระบุว่า โดยมีปัจจัยหนุน 3 ประการ ได้แก่ 1. การจุดประกายจากสตาร์ทอัพ AI DeepSeek 2.การกลับทิศนโยบายของรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นการเติบโตด้วยนวัตกรรม และ 3. ส่วนต่างของมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ยังต่ำกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจในตลาดหุ้นเทคโนโลยีจีน หลังจากที่เผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจมหภาคมาหลายปีในช่วงก่อนหน้านี้
DeepSeek ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญต่อวงการเทคโนโลยีทั้งในประเทศจีนเองและระดับโลกคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2500 ที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ขึ้นสู่วงโคจรโลก ซึ่งเป็นการประกาศศักดาต่อสหรัฐ และจุดชนวนให้เกิด Space Race ระหว่าง 2 มหาอำนาจเช่นเดียวกัน DeepSeek-R1 ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับการแข่งขันด้านAI ระหว่างจีนและสหรัฐ โดยแสดงให้เห็นว่าจีนสามารถพัฒนา โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยไม่ต้องพึ่งพาชิปประมวลผลขั้นสูงของสหรัฐ ซึ่งถูกจำกัดการส่งออก DeepSeek-R1 สร้างความตกตะลึงให้กับวงการเทคโนโลยี เนื่องจากใช้งบประมาณในการพัฒนาเพียง 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการลงทุนของ
บริษัทสหรัฐ อย่าง OpenAI, Google DeepMind และ Anthropic ต้องใช้สำหรับการฝึกโมเดล AI นี่จึงถือเป็นการท้าทายอำนาจผูกขาดของสหรัฐ ในการพัฒนา AI และเป็นหลักฐานว่าจีนกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในสนามแข่งขันนี้
ไม่เพียงแค่ DeepSeek-R1 เท่านั้น ปัจจุบันจีนยังมีโมเดล AI ระดับแนวหน้าที่สามารถแข่งขันในเวทีโลก เช่น Qwen 2.5-Max ของ Alibaba, Ernie Bot ของ Baidu, Doubao 1.5 Pro ของ ByteDance, Kimi K1.5 ของ Moonshot AI โมเดลเหล่านี้กำลังช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม AI ของจีนให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่นเดียวกับที่โซเวียตเคยทำในช่วง เริ่มต้นของการแข่งขันอวกาศ การเปิดตัว DeepSeek-R1 ได้จุดประกายให้เกิดความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีจีน และทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนกลับมาคึกคักในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ในช่วงปี 2564 รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบาย "Common Prosperity“ เพื่อกระจายความมั่งคั่งและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดหลายประการ ทั้งกฎหมายป้องกันการผูกขาด กฎเกณฑ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และข้อบังคับด้านการคุ้มครองข้อมูล มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba, Tencent และ Meituan ที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วมาก่อน ผลจากการควบคุมที่เข้มงวดทำให้หุ้นเทคโนโลยีจีนเผชิญกับภาวะขาลงอย่างหนัก นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นจากความไม่แน่นอนทางกฎหมาย ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำลดลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับแนวโน้มในปี 2568 เรามองว่านโยบายของรฐับาลจีนมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้นอีก
เนื่องจากภาคเอกชนโดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้กลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในช่วงที่จีนกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งอัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูง วิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์หนี้ของรฐับาลท้องถิ่น และภาวะเงินฝืด นอกจากนั้นในเชิงภูมิรฐัศาสตร์จีนกำลังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐ ที่พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้การสนับสนุนบริษัทที่ลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้กลายเป็นความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์
กล่าวโดยสรุป แม้หุ้นเทคโนโลยีจีนที่ผ่านมาจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าหุ้นสหรัฐ อย่างมีนัยสำคัญ แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน หุ้นจีนยังมีศักยภาพในการลดช่องว่างของผลตอบแทน (Performance Gap) นี้ เนื่องจากดัชนี FTSE China Tech มีอัตราการเติบโตของกำไร ในปี 2568 ที่ 31% ซึ่งสูงกว่า NASDAQ 100 ที่ 30% ขณะที่มี Forward P/E ต่ำกว่าถึง 29%
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม