13 มีนาคม 2025 เวลา 06:10 น.
ในทางตรงข้ามกำไรที่ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับกลุ่มรับเหมา (ผลขาดทุนส่วน แบ่งจากโครงการ LPCL, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น), กลุ่มยานยนต์ (อุปสงค์อ่อนแอ เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง, คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ และการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์รถ EV โดยเฉพาะจากจีน), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (ค่าใช้จ่ายที่ เพิ่มขึ้นของ DELTA และยอดขาย PCB และ IC ที่อ่อนแอของ KCE และ HANA), กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง (อุปสงค์อ่อนแอ), กลุ่มปิโตรเคมี (ผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่อ่อนแอของ PTTGC) และกลุ่มพลังงาน (ผลขาดทุนสุทธิพิเศษของ PTT ส่วนใหญ่จากอัตราแลกเปลี่ยน, สินค้าคงคลัง และการด้อยค่าสินทรัพย์รวมทั้งค่าการกลั่นที่ลดลง)
กำไรต่ำกว่าที่ตลาดคาด 11.1% (หุ้นที่ทีม Research หลักทรัพย์บัวหลวง ให้คำแนะนำ) โดยกลุ่มที่รายงานกำไรดีกว่าคาด ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว (ผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมแข็งแกร่ง), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (กำไรพิเศษก้อนใหญ่จาก SCC), กลุ่มธนาคาร (รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการตั้งสำรอง น้อยลง),
กลุ่มโรงพยาบาล (อุปสงค์ด้านการแพทย์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยชาวไทย) ในขณะที่กลุ่มที่รายงานกำไรสุทธิต่ำกว่าคาด ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ผลขาดทุนส่วน แบ่งจากโครงการ LPCL, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น), กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง (ผลขาดทุนพิเศษเพิ่มขึ้นจาก SCGP), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของ DELTA) กลุ่มไอซีที (ผลขาดทุนพิเศษเพิ่มขึ้นจาก TRUE) และกลุ่มพลังงาน (ค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหารและอัตราภาษีจ่ายของ PTT)
ทั้งนี้สัดส่วนกำไรของบริษัทใน SET ที่มีอัพไซด์ (กำไรดีกว่าที่ตลาดคาดมากกว่า 5%) อยู่ที่ 32% เพิ่มขึ้น 26%
ใน ไตรมาส 3 ปี 67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 38%) โดยประมาณ 39% รายงานผลประกอบการแย่กว่าคาด เพิ่มขึ้นจาก 33% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดในไตรมาส 3 ปี 67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 35%) สัดส่วนกำไรที่ดีกว่าเทียบแย่กว่าคาดอยู่ที่ 0.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากในไตรมาส 3 ปี 67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 1.1 และหากเทียบกับวงจรเศรษฐกิจโลก ในปี 2558 และ 2562 อยู่ที่ 0.9) กำไรรวมของ SET อยู่ที่ 11.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด (หุ้นที่เราให้คำแนะนำ) โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2%
สูงกว่าตลาดกำไรจากผลการดำเนินงาน (กำไรหลัก) สำหรับในไตรมาสนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 8.5 ต่ำกว่าที่เราคาด (กำไรหลักรวมอยู่ที่ 2% ต่ำกว่าที่เราคาด ส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และรับเหมาที่อ่อนแอ)
บทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์บัวหลวง ฉบับ 3 มี.ค.68 คาดการณ์ปรับลดประมาณการกำไรลงอย่างต่อเนื่อง
ในเดือก.พ. อุปทานที่ล้นตลาดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอกดดันราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ทำให้ความเชื่อมั่นในบางกลุ่มอุตสาหกรรมลดลง โดยเฉพาะกลุ่มสื่อ (แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาอ่อนตัว), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, กลุ่มปิโตรเคมี (ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอ่อนตัว), และกลุ่มอสังหา (อุปสงค์อ่อนตัว) ในขณะที่กลุ่มไอซีที (ARPU แข็งแกร่ง), หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (ท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะสายการบินและโรงแรม), กลุ่มอาหาร (ราคา เนื้อสัตว์สูงขึ้น) มีโอกาสในการปรับประมาณการกำไรขึ้น
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?/
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม