#PTT #ทันหุ้น - ซีอีโอ PTT ไม่ตระหนกหุ้นร่วง มั่นพื้นฐานแกร่งแม้ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำ ชี้กระแสเงินสดการดำเนินงานบวกปันผลได้สูง เดินหน้าวางเกมลงทุนระยะสั้น เน้นโครงการผลตอบแทนไว ลดต้นทุน-เพิ่มกำไร ดันอิบิทด้าพุ่ง 30,000 ล้านบาทใน 3 ปี เสริมแกร่งด้วยการเทรดเดอร์ LNG เดินหน้าพลังงานอนาคต ไฮโดรเจน-CCS ปูทางเติบโตระยะยาว
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงกรณีราคาหุ้น PTT ที่ลดลงต่ำสุดในรอบหลายปีว่า เป็นเรื่องของเซนทิเมนท์ จากภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวดลง และมีผลกระทบกับหุ้น PTT อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของ ปตท. ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow) ที่ดี และมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ค่อนข้างสูง ซึ่งปี 2567 ที่ผ่านมา PTT จ่ายเงินปันผล 2.10 บาท
ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า PTT ได้มีการปรับตัวท่ามกลางสภาวะโลกที่ผันผวน ทั้งในด้านพลังงาน ภูมิรัฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นถึงสิ่งที่ถนัด การลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มีการวางแผนการลงทุนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
@มุ่งผลตอบแทนลงทุนทันที
สำหรับการลงทุนระยะสั้นจะเน้นการลงทุนในโครงการที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วและความเสี่ยงต่ำ โครงการเหล่านี้จะมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร อาทิ โครงการ Operation Excellence: มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า
การสร้าง Synergy ในกลุ่ม เพิ่มประสิทธิภาพและความร่วมมือระหว่างบริษัทในเครือ ปตท. เพื่อเพิ่มกำไรประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท และการดำเนินการด้าน Digital Transformation การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเพิ่มกำไรปีละ 2,000 ล้านบาท
@สร้างฮับ LNG
ในระยะกลาง ปตท. จะมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ LNG และการปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจาก PTT มีการนำเข้า LNG ในปริมาณมากอยู่ จึงมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิตด้านเทรดเดอร์ LNG ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG (LNG Hub) ในภูมิภาค โดยจะมีการสร้างคลังและโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการซื้อขาย LNG ในตลาดโลก
นอกจากนี้ ปตท. ยังคงเดินหน้าจะปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น โดยการหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมลงทุน PTT จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการ แต่การมีพันธมิตรจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง
@ ดีลลงทุนไฮโดรเจนและ CCS
ในระยะยาว ปตท. ให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีไฮโดรเจนและการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) เนื่องจาก ปตท. ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซและไฮโดรคาร์บอน การลดการปล่อยคาร์บอนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในโลกที่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน การลดการปล่อยคาร์บอนในปริมาณมาก (Decarbonization) จะช่วยให้ ปตท. สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว
ปตท. มองว่า ไฮโดรเจนจะเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในอนาคต โดยจะนำมาใช้ทดแทนเชื้อเพลิง เช่น ก๊าซธรรมชาติ ซึ่ง PTT ให้ความสำคัญกับไฮโดรเจนในระดับอุตสาหกรรม ไม่ใช่ในรถยนต์ มีการวางแผนที่จะลงทุนในต่างประเทศที่มีต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนต่ำ เช่น ตะวันออกกลางและอินเดีย จากนั้นจะนำเข้าไฮโดรเจนมายังประเทศไทยในรูปแบบแอมโมเนีย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงานที่ต้องการให้มีการผสมไฮโดรเจนในเชื้อเพลิง 5% ในปี 2573
ช่องทางเฟสบุ๊ก ติดตามข่าวได้ที่เพจ ทันหุ้นออนไลน์
https://www.facebook.com/thunhoonnews
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม